ดูแบบคำตอบเดียว
  #4  
เก่า 16-09-2023, 00:01
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,653
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,415,893 ครั้ง ใน 34,242 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ต่อมาเมื่อท่านอาจารย์บุปผชาติ พงษ์ประดิษฐ์ ซึ่งเป็นอาจารย์อยู่ที่วิทยาลัยครูนครสวรรค์ ได้นำเอาคณะกลองยาวของวิทยาลัยครูนครสวรรค์ มาทำการแสดงถวายเป็นพุทธบูชา เพราะว่าคณะกลองยาวของวิทยาลัยครูนครสวรรค์ในตอนนั้น ซึ่งภายหลังก็คือมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ ได้เข้าแข่งขันแล้วได้เป็นแชมป์ประเทศไทยมา

ดังนั้น..กระผม/อาตมภาพจึงไม่คุ้นชินกันกับการรื่นเริงเฮฮา โดยเฉพาะเสียงเพลงเสียงดนตรีดัง ๆ เมื่อไปอยู่ที่วัดท่าขนุน กระผม/อาตมภาพก็นำเอาปฏิปทานี้ไปใช้ ก็คือไม่มีการแสดงรื่นเริงใด ๆ ทั้งสิ้น ยกเว้นการอาสารำถวาย หรือว่าแสดงถวายของบรรดาเด็ก ๆ ที่กระผม/อาตมภาพสนับสนุนให้เขาทั้งหลายฝึกซ้อมการแสดงเอาไว้ ในเมื่อฝึกซ้อมเอาไว้ ก็จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องหาเวทีให้เขาแสดงด้วย ไม่เช่นนั้นการแสดงทั้งหลายเหล่านั้นก็ไม่รู้ว่าจะฝึกซ้อมไปทำอะไร เนื่องเพราะว่าซ้อมไปแล้วก็ไม่มีเวทีให้ออกงาน

ดังนั้น..พวกเราก็จะเห็นแค่การแสดงที่ออกไปแนวอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมไทย หรือว่าชาติพันธุ์ต่าง ๆ ในเขตบริเวณอำเภอทองผาภูมิ เรื่องของภาพยนตร์ ดนตรี ลิเก จะเป็นลิเกพม่า ลิเกไทย ตลอดจนกระทั่งรำวงต่าง ๆ หรือว่าจ้างวงดนตรีที่มีชื่อเสียงมาแสดงนั้น ตั้งแต่กระผม/อาตมภาพเป็นเจ้าอาวาสวัดท่าขนุนมา ๑๕ ปีแล้ว ยังไม่เคยมีการแสดงในลักษณะแบบนี้เลย

ในสมัยเจ้าอาวาสรูปก่อน ก็คือพระสมุห์สมพงษ์ เขมจิตฺโตนั้น ได้มีการแสดงละครพม่า ซึ่งจะดึงเอาพี่น้องมอญพม่าเข้าวัดได้มากมายมหาศาล แต่ว่าขณะเดียวกัน ก็สร้างความสกปรกให้กับวัดวาอารามเป็นอย่างยิ่ง หลังการแสดงเมื่อไร ขยะก็เกลื่อนไปทั้งวัด บางทีก็ถ่ายหนักถ่ายเบาอยู่บริเวณใกล้ ๆ กับเวทีนั่นเอง..!

กระผม/อาตมภาพตอนนั้นเป็นรองเจ้าอาวาสวัดท่าขนุน ต้องพาพระภิกษุสามเณร ช่วยกันทำความสะอาดให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ไม่เช่นนั้นก็จะเห็นแต่เศษขยะเกลื่อนกลาดไปหมด เมื่อกระผม/อาตมภาพขึ้นมาเป็นเจ้าอาวาสเอง จึงตัดรายการแสดงละครพม่าในงานประจำปีออกไปเลย..!

เมื่อมาเป็นเจ้าอาวาสแล้ว เมื่อถึงเวลาจัดงานประจำปีปิดทองรอยพระพุทธบาทวัดท่าขนุนและทำบุญถวายอดีต ๗ เจ้าเมืองหน้าด่าน ก็แค่อาศัยการแสดงของบรรดาชาติพันธุ์ต่าง ๆ เท่านั้น และมีปีละครั้งเดียว จึงไม่ค่อยจะเคยชินกับความรื่นเริงเฮฮาอื่น ๆ เพราะว่าอาศัยธรรมะเป็นหลักเท่านั้น ถึงเวลาญาติโยมทั้งหลายก็อยากจะฟังเจ้าอาวาสวัดท่าขนุน คุยเรื่องโน้นเรื่องนี้แทรกหลักธรรมไป โดยที่ไม่ได้สนใจในเรื่องของดนตรีลิเกอะไรใด ๆ ทั้งสิ้น

เมื่อมาเจอการเปิดเพลงยาว ๆ ตลอดจนกระทั่งเสียงบอกบุญเรี่ยไรดังไปทั้งวัด ก็ทำให้รู้สึกว่าไม่คุ้นชิน แต่ว่าก็ต้องปล่อยเลยตามเลย เนื่องเพราะว่าต่อให้คุณเป็นเจ้าอาวาสแล้วไม่อยากจะทำ แต่ถ้าคณะกรรมการเขาตั้งใจจะทำอย่างนั้น เราก็ไม่สามารถที่จะ "เอาเรือไปขวางน้ำเชี่ยว" ได้ เนื่องจากว่ามีแต่เรือจะล่มเสียเปล่า ๆ บรรดาเจ้าอาวาสถ้าเจอแบบนี้ก็ต้องอดกลั้นอดทนกันต่อไป ต้องบอกว่า "วัดกันดูว่าระหว่างกรรมการวัด กับเจ้าอาวาสใครจะหมดอายุขัยเสียก่อนกัน..!"

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันศุกร์ที่ ๑๕ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-09-2023 เมื่อ 00:56
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา