ถ้าเอามาเป็นเรื่องอำนวยความสุขความสะดวกสบายส่วนตัว บุคคลที่มีเงินส่วนตัวระดับร้อยล้าน ก็น่าจะหาความสุขใส่ตัวได้ไม่ใช่น้อย แต่ครูบาอาจารย์ไม่เคยสอนเอาไว้อย่างหนึ่ง จิตสำนึกของความเป็นพระภิกษุสามเณร ซึ่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจัดพวกเราเอาไว้ในระดับเดียวกับขอทานอีกประการหนึ่ง เราต้องระลึกอยู่เสมอว่าเรามีสถานภาพเป็นขอทาน ขอทานนั้นจะต้องยากจน คนถึงจะเห็นใจและให้ความช่วยเหลือ ถ้าหากว่าทำตัวร่ำรวยเกินชาวบ้านเขา แล้วใครเขาจะให้ความช่วยเหลือ..?!
ในเมื่อเป็นดังนี้ สิ่งหนึ่งประการใดที่รับมา ไม่ว่าจะเป็นเงินทอง หรือว่าข้าวของก็ตาม ทางวัดท่าขนุนจะผ่องถ่ายออกไปให้เป็นประโยชน์แก่วัดวาอารามอื่น ๆ ตลอดจนกระทั่งโรงเรียนหรือว่าญาติโยมที่ได้รับความเดือดร้อนให้เร็วที่สุด แทบจะไม่เหลืออะไรเอาไว้ให้เป็นประโยชน์ส่วนตัวเลย เนื่องเพราะว่าตัวเองนั้นก็ฉันแค่วันละ ๒ มื้อ หลังเพลไปแล้ว แม้แต่น้ำปานะก็ไม่เอา จึงไม่มีความจำเป็นอย่างไรเลยที่จะต้องไปเก็บสิ่งของเหล่านี้ไว้
เมื่อจำหน่ายจ่ายแจกออกไปแล้ว ก็ยังเป็นประโยชน์แก่ส่วนรวม บุคคลที่เดือดร้อนก็ได้อาศัยบรรเทาความเดือดร้อนของตน ตัวเราก็ได้ตัดละ ความโลภในจิตในใจของตนเองลงไป ถ้าหากว่าเรามาเน้นในเรื่องของศีลและปฏิบัติภาวนา โอกาสที่จะหลุดพ้นก็มีง่ายขึ้น เพราะว่าสิ่งที่มาถ่วงให้รุงรัง ให้รก ให้รำคาญ จนกระทั่งเดินทางสู่ทางไกลได้ยาก ก็มีน้อยกว่าคนอื่นเขา
สำหรับวันนี้คงจะต้องเดินทางกันอีกหลายชั่วโมงกว่าที่จะถึงวัดท่าขนุน จึงขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพุธที่ ๓๐ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 31-08-2023 เมื่อ 01:47
|