มีใครไม่มีกิเลสบ้าง ? มีทุกคน ญาติโยมส่วนหนึ่งพอถึงเวลาที่กิเลสชนะ ก็อับอายขายหน้าเหลือเกิน ไม่กล้าไปวัด ปล้ำผีลุกปลุกผีนั่งอยู่เป็นเดือนเป็นปี กว่าที่กำลังใจจะทรงตัวได้เหมือนเดิม แล้วค่อยไปวัด ตอนชั่ว ๆ อายหลวงพ่อ..ไม่กล้าไป..!
ถามหน่อยเถอะว่า "ตอนดีแล้วมึงมาทำไม..?" ตอนที่เราไม่ไหวนั่นแหละ เราต้องรีบไปวัด พระท่านจะได้แนะนำว่าควรที่จะแก้ไขอย่างไร ท่านไม่มาเสียเวลาดูหรอกว่าเราชั่วอย่างไร แต่ท่านจะดูว่าจะช่วยเราอย่างไร เพราะฉะนั้น..เปลี่ยนได้แล้วนะ ตอนชั่วเต็มที่ให้รีบมาวัด ระยะเวลาในการชั่วจะได้น้อยลงหน่อย
ขอให้พวกเรารู้ว่า ในเวลาที่เราแพ้กิเลส ควรเป็นเวลาที่เราพึ่งพาครูบาอาจารย์ให้มากที่สุด อาตมภาพถึงได้สอนว่าพวกเราทำดีต้องหน้าด้าน..! ถ้าหน้าไม่ด้านพออย่ามาทำดี มัวแต่อายอยู่ มัวแต่กลัวอยู่ แล้วเมื่อไรจะเอาดีได้
เราต้องดูตัวอย่างในพระไตรปิฎก
พระพุทธเจ้าตรัสถาม "ภิกขเว ดูก่อน..ภิกษุ เธอได้กระทำสิ่งนี้หรือ ?"
คนผิดจะตอบว่า "ทำพระเจ้าข้า"
พระพุทธเจ้าตรัสบอกไปว่า "ดูก่อน..โมฆบุรุษ สิ่งที่เธอทำนั้นไม่เป็นประโยชน์ทั้งต่อตนเองและผู้อื่น"
เป็นการว่ากล่าวที่รุนแรงมากเลย เพราะโมฆบุรุษแปลว่าผู้ว่างเปล่าจากความดี ไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง..!
แล้วอย่างไร ? ผิดก็คือผิด..รับไปเลย..!
สำหรับอาตมภาพถ้าผิดก็คือผิด จนกระทั่งทุกคนเขาสงสัยว่าอาตมภาพเป็นเด็กเส้น ทำอะไรไม่เห็นหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ฟันหัวขาดเหมือนกับคนอื่น ก็โดนเหมือนกันนั่นแหละ คือถ้าเราคิดว่าดีเมื่อไรโดนแน่นอน..! แต่ถ้าคิดว่าครั้งนี้เราพลาดไปแล้ว เราจะพยายามระมัดระวัง ครั้งต่อไปจะไม่ให้โดนอีก คิดได้นี่หลวงพ่อท่านจะไม่พูดถึงเลย แต่คนไหนที่ปิด ๆ บัง ๆ ประเภททำผิดแล้วกลัวว่า "เดี๋ยวครูบาอาจารย์จะรู้" จะโดนเต็ม ๆ ทุกครั้ง..!
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-08-2023 เมื่อ 03:03
|