แล้วภาษาไทยก็ยังมีกวีตานุมัติ คือเสียงที่เป็นไปตามที่กวีเห็นว่าสมควร อย่างเช่นคำว่า บิตุรงค์ เมื่อเข้าไปอยู่ในโคลงกลอนแล้ว อย่างเช่นว่า อันทรงฤทธิ์บิตุรงค์ของลูกรักฯ เราต้องอ่านให้เข้ากับคำว่าฤทธิ์ บิตุรงค์จึงต้องอ่านเป็น บิด-ตุ-รง เป็นต้น
เรื่องพวกนี้จึงเป็นเรื่องที่ต้องศึกษากันให้มากกว่านี้ หาไม่แล้ว ภาษาไทยของเราที่ไพเราะทั้งอรรถ ทั้งพยัญชนะ ทั้งประกอบไปด้วยฉันทลักษณ์ต่าง ๆ ก็จะผิดเพี้ยนไป แล้วทำให้คนรุ่นหลังขาดความเข้าใจ เข้าไม่ถึงอรรถรสของภาษา จนด้วยภาษา ไม่สามารถที่จะอ่านได้ถูกต้องยังไม่พอ ปัจจุบันนี้เด็กรุ่นหลังไม่สามารถที่จะแต่งโคลงฉันท์กาพย์ กลอนต่าง ๆ ได้กันแล้ว
แม้กระทั่งบรรดาลูก ๆ ของกระผม/อาตมภาพเอง เมื่อเวลาเรียนชั้นมัธยม ถึงเวลาครูให้แต่ง ไม่ว่าจะเป็นอินทรวิเชียรฉันท์ วสันตดิลกฉันท์ต่าง ๆ ก็จะต้องส่งอีเมล์หรือว่าส่งไลน์ มาขอให้หลวงพ่อช่วยแสดงฝีมือให้ เมื่อกระผม/อาตมภาพแต่งไปให้แล้ว ก็ต้องย้ำแล้วย้ำอีกว่าจะต้องอ่านให้คล่องปาก ชนิดที่หลับตาท่องได้ ไม่อย่างนั้นถึงเวลาไปสะดุดติดขัด ครูบาอาจารย์จะรู้ว่าเราไม่ได้แต่งเอง เป็นต้น
แม้ว่าจะเป็นการสนับสนุนเด็กในทางที่ผิด แต่ว่าไม่เช่นนั้นแล้ว เด็กก็จะไม่มีการบ้านส่ง จึงจำเป็นที่จะต้องทำการบ้านให้ลูก เหมือนอย่างกับพ่อแม่สมัยนี้ที่บางคนทำไป แล้วครูก็เขียนกลับมาเล่มสมุดว่า "ขอร้องคุณพ่อคุณแม่อย่าได้ช่วยนะคะ เพื่อที่จะให้เด็กมีความสามารถอย่างแท้จริง" เป็นต้น
สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันศุกร์ที่ ๑๑ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-08-2023 เมื่อ 02:21
|