โยมคนที่ ๒ กราบนมัสการเรียนถามหลวงตาดังนี้ครับ ตอนนี้ผมมีสติแน่นเข้าเรื่อย ๆ ไม่ค่อยเผลอ บริกรรมพุทโธติดแนบกับสติตามที่หลวงตาสอน แล้วระยะนี้ผมสังเกตได้ถึงพัฒนาการของจิต คือมีความระลึกตัวดีขึ้น ทำอะไรมันคิดอ่านไตร่ตรองแบบเป็นธรรมดีขึ้น ไม่ทำอะไรแบบพรวดพราดทันทีเหมือนเมื่อก่อน วันหนึ่ง ๆ ตัวเองอยากอยู่กับความสงบเย็น พอทำงานเสร็จก็กลับบ้านไม่ได้ไปไหน แต่ทุกอิริยาบถมีสติกับพุทโธตลอดนะครับ
หลวงตา เออ ถูกต้อง ๆ อันนี้ก็ถูกต้องเหมือนกัน เอ้า..ว่าไป
โยมคนที่ ๒ พยายามไม่ให้ขาด ทีนี้เวลามันมีเรื่องยุ่ง ๆ ใจมันก็ไม่ยุ่งไปด้วยครับ ใจมันก็สงบเย็น ๆ ของมัน ถ้าเป็นเมื่อก่อนก็ร้อนวุ่นวายไปตามเรื่องร้อนนั้น ๆ ครับ พอมานั่งภาวนาหรือเดินจงกรมเดี๋ยวนี้เพียงครู่เดียวครับ ไม่นานจิตมันก็ดิ่งวูบลึกลงไป แน่วสงบไป แต่ความระลึกรู้ตัวมีเสมอครับ ผมจึงไม่รู้สึกตกใจ เหมือนมีสติสัมปชัญญะประคองไว้ แล้วถึงโอกาสก็เริ่มพิจารณากายไปตามขั้นครับ อย่างนี้เป็นอาการถูกต้องของการภาวนาจิตจากการมีสติอยู่เสมอถูกต้องหรือไม่ครับผม ?
หลวงตา ถูกต้อง อันนี้ก็ถูกไปอีกแบบหนึ่งของผู้นี้นะ ไม่ผิด ถูกด้วยกันทั้ง ๒ นะ ให้เจริญให้มากกว่านี้เข้าไป เพื่อจะได้ชำนิชำนาญ ความสงบจะได้สงบและละเอียดเข้าไป ๆ และคล่องตัวเข้าไปเรื่อย ๆ การพิจารณาก็จะคล่องตัวสติก็จะดีขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าเราใช้การฝึกด้วยความมีสติฝึกตนเองอยู่ตลอดเวลานี้ จะดีขึ้นทุกอย่างในบรรดาธรรมทั้งหลายที่เรากำลังเจริญเวลานี้
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-08-2023 เมื่อ 16:33
|