ปรากฏว่าหลวงปู่พรหมา วัดจักรวรรดิราชาวาส สมณศักดิ์ของท่านคือพระธรรมวัชรวิสุทธิ์ ท่านเห็นก็มานั่งด้วย เห็นหนังสือที่กระผม/อาตมภาพอ่านอยู่ ก็ขอไปลูบ ๆ คลำ ๆ แล้วท้ายสุดก็ปรารภว่า "เด็กสมัยนี้ไม่อ่านหนังสือกันแล้ว เล่นแต่โทรศัพท์มือถือ เล่นแต่แทบเล็ต" พอปล่อยให้คนแก่บ่น คราวนี้ก็มาจน "กระบุงโกยไม่ไหว" บ่นไปยันเรื่องพระเณรในวัดว่า ท่านเองพยายามทำตัวเป็นแบบอย่าง ลงไปสวดมนต์ทำวัตร เจริญกรรมฐานทุกวัน แต่บรรดาเจ้าคณะที่ตั้งเอาไว้ให้ช่วยดูแลวัด ไม่ยอมปล่อยให้ลูกคณะมาทำวัตร เจริญกรรมฐาน อ้างว่าเสียเวลาท่องหนังสือ
คราวนี้หลวงปู่ท่านใช้คำหนึ่งที่กระผม/อาตมภาพรู้สึกว่ากระทบใจมาก ก็คือท่านบอกว่า "วัดวาอารามจะมีพระภิกษุสามเณรมากมายเท่าไรก็ตาม ถ้าหากว่าไม่มีเสียงสวดมนต์ทำวัตร ก็ไม่ถือว่าเป็นวัด..!" กระผม/อาตมภาพฟังแล้วเห็นด้วย กราบเรียนถวายหลวงปู่ท่านไปว่า "วัดท่าขนุนของกระผม ทำวัตรเช้าเย็น ๓ รอบ บิณฑบาตและเจริญกรรมฐานทุกวัน ใครไม่ทำก็คือคนป่วย ถ้าป่วยห้ามอยู่วัด ให้ไปอยู่โรงพยาบาล"
ท่านก็ยกมือสาธุ บอกว่า "เดี๋ยวนี้เจ้าอาวาสที่คิดแบบคุณน้อยมากแล้ว ส่วนใหญ่แล้วกลัวว่าจะไม่มีพระเณรอยู่ด้วย ก็อะลุ้มอล่วยปล่อยกันเละเทะไปหมด วันทั้งวันสวดมนต์ไหว้พระไม่ทำ ก้มหน้าก้มตาอยู่แต่กับมือถือ" ไม่รู้เหมือนกันว่ามือถือไปทำหลวงปู่เจ็บช้ำน้ำใจอะไรหรือเปล่า ? บ่นเรื่องนี้จัง..!
แต่ว่าหลวงปู่ท่านเป็นพระเถระที่น่ารักมาก ก็คืออายุมากแล้ว แต่ไม่ทำตัวเป็นภาระกับคนอื่น พอเดินได้เองก็เดิน พอตักอาหารได้เองก็ตัก ต้องบอกว่าเป็นแบบอย่างที่ดีสำหรับพวกเราอย่างหนึ่ง ก็เพราะว่าเจ้าคุณใหญ่ ๆ โต ๆ ปัจจุบันนี้ท่านเป็นที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค ๑๐เพราะว่าอายุ ๘๐ กว่าแล้ว เกษียณอายุแล้ว ก็ต้องเป็นแค่ที่ปรึกษา อยู่พระอารามหลวง คือวัดจักรวรรดิราชาวาสวรมหาวิหาร ยังมีแนวคิดอยู่ในลักษณะอย่างนี้ แล้วยังทำตัวเป็นแบบอย่างให้กับพระลูกพระหลาน
แต่พระลูกพระหลานส่วนใหญ่แล้วก็อย่างที่ว่า ไม่ได้คิดจะเอาความก้าวหน้าในทางธรรม คิดแต่จะเอาความก้าวหน้าในทางโลก ไปทุ่มเทให้กับการเรียนการศึกษา ซึ่งถ้าหากว่าใครมีวุฒิการศึกษา ก็มักจะได้รับการสนับสนุนให้เป็นใหญ่ในสายปกครอง ก็เลยทำให้ห่างไกลเรื่องการปฏิบัติธรรม ท่านใช้คำว่า "เด็กสมัยนี้ไม่มีความอดทน จะให้มานั่งอ่านหนังสือวันหนึ่งเป็นเล่ม ๆ อย่างคุณ เขาไม่อ่านกันหรอก เสียเวลาเล่นมือถือ..!" เลี้ยวมามือถืออีกแล้ว..!
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-07-2023 เมื่อ 02:20
|