ถ้าหากว่าพวกเราปฏิบัติธรรมไป ยิ่งทำ ทุกอย่างก็จะยิ่งเร็วขึ้น แต่เป็นความเร็วที่ไม่ผิดพลาด เพราะว่าสติสมบูรณ์ขึ้นไปเรื่อย ๆ
จึงเป็นเรื่องที่พวกเราพึงสังวรว่า ถ้าทำอะไรช้า แปลว่ากำลังใจเรายังห่างความดีอยู่มาก เนื่องเพราะว่าคนที่ตั้งใจทำเพื่อความหลุดพ้น เขาจะไม่เอาเรื่องรุงรังรอบข้างแล้ว มุ่งตรงไปอย่างเดียว
นักปฏิบัติธรรมกำลังใจต้องจดจ่ออยู่กับงานตรงหน้า งานตรงหน้าเราจะมีกี่สิบกี่ร้อยงานในวันนั้น เราก็จะมีแค่ ๓ งานเท่านั้น
งานแรก คือ รู้ลมหายใจเข้าออก
งานที่สอง คือ รู้คำภาวนา
งานที่สาม คือ สิ่งที่เราทำอยู่ในปัจจุบัน ตรงนั้น เดี๋ยวนั้น สติจดจ่ออยู่กับสิ่งที่ทำตรงหน้า
งานเราจะมีแค่นี้เท่านั้นในแต่ละวัน ต่อให้มี ๒๐ - ๓๐ งาน ก็จะมีแค่ไม่เกิน ๓ อย่างนี้ เพราะต้อง "ตอนนี้" และ "เดี๋ยวนี้" เท่านั้น
พอถึงเวลามีงานอะไรมา ใช้สติใช้ปัญญา แยกแยะความก่อนหลังเร็วช้าของงาน อะไรมาก่อนทำก่อน เราจะมีงานอยู่ข้างหน้างานเดียวเท่านั้น แล้วก็จะไม่หนักเกินกำลัง
แต่ส่วนใหญ่แล้วพวกเรามักจะเอาหลาย ๆ งานไปหมกรวมกัน แล้วก็บอกว่าไม่ไหว หนักมาก ก็เพราะพวกเราแยกแยะความก่อนหลังเร็วช้า หรือความสำคัญของงานไม่ได้
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-06-2023 เมื่อ 01:18
|