ดูแบบคำตอบเดียว
  #4  
เก่า 04-06-2023, 00:52
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,563 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถ้าท่านทั้งหลายฝึกในกรรมฐาน ๔๐ กอง จะมีอยู่กองหนึ่ง คืออาหาเรปฏิกูลสัญญา การพิจารณาอาหาร ว่ามีธรรมชาติมาจากความสกปรก ต่อให้ประณีตเอร็ดอร่อยสักเท่าไรก็ตาม เมื่อมองไปถึงต้นกำเนิดก็จะเห็นว่า ไม่มาจากพืช ก็มาจากสัตว์ มาจากสัตว์ก็เต็มไปด้วยเลือดด้วยเนื้อ มาจากพืชก็เกิดจากการดึงดูดเอาซากพืช ซากสัตว์ หรือว่าสิ่งสกปรกไปเป็นอาหาร จนกระทั่งเลี้ยงต้นให้เติบใหญ่ขึ้นมาได้

แล้วองค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ยังทรงทรมานพระวรกายแบบที่สมัยนั้นนิยม อดทนอยู่ถึง ๖ ปีเต็ม ๆ โดยที่ไม่มีผลตอบแทนอะไรเป็นมรรคเป็นผลขึ้นมาเลย พวกเราทั้งหลายมีความอดทนขนาดนั้นหรือไม่ ? ไม่ต้อง ๖ ปีหรอก เอาแค่ ๖ วัน หรือว่า ๓ วันก็เกือบขาดใจตายแล้ว..!

ดังนั้น..วันวิสาขบูชาจึงเป็นวันที่เราควรจะพินิจพิจารณา เห็นน้ำพระทัยขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่สละความสุขส่วนพระองค์ สละลาภ ยศ สรรเสริญ สุข อันจะพึงเกิดขึ้น ออกไปตกระกำลำบากแสวงหาโมกขธรรม จนกระทั่งเกือบจะสิ้นพระชนม์ สภาพร่างกายเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก ถ้าเป็นบุคคลทั่ว ๆ ไปที่ไม่ใช่กำลังสมาธิรักษากายได้ คาดว่าคงจะอวัยวะภายในล้มเหลว ตายไปหลายรอบแล้ว..!

เนื่องเพราะว่าพระองค์ท่านอดพระกระยาหาร จนกระทั่งในบาลีกล่าวว่า เอามือลูบท้องก็ติดกระดูกสันหลัง ก็คือไม่มีอะไรเหลือไว้ให้แล้ว นอกจากโครงกระดูกที่มีหนังหุ้มอยู่ เอามือลูบผิวกาย เส้นขนก็หลุดติดมือมา เพราะไม่มีอาหารหล่อเลี้ยง แม้แต่เสด็จพระราชดำเนินก็ซวนเซล้มลง เพราะไม่มีกำลังจะพยุงพระวรกาย
พวกเราเคยทุ่มเทให้กับการปฏิบัติธรรมขนาดนั้นบ้างหรือไม่ ?
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-06-2023 เมื่อ 01:58
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา