เหมือนอย่างกับกระแสสองสายวิ่งคู่ขนานกัน ใครอยู่ในกระแสสีขาวก็โดนดึงขึ้นข้างบน ใครอยู่ในกระแสสีดำก็โดนดึงลงข้างล่าง สำคัญตรงที่ว่าถ้าเราอยู่ผิดกระแส ก็ต้องรีบหาทางตัดข้ามมากระแสสีขาวให้เร็วที่สุด ส่วนคนที่อยู่ในกระแสสีขาวแล้วก็อย่าได้ประมาท เร่งรัดตัวเองเพื่อไปให้ถึงจุดหมายปลายทางให้เร็วที่สุดเช่นกัน อย่างนี้เขาถึงเรียกว่าผู้ปฏิบัติธรรม
ไม่อย่างนั้นแล้วอย่างที่พวกเราทำอยู่เขาไม่เรียกว่าปฏิบัติธรรม เขาเรียกว่าทำตัวเป็นทาสกิเลส รู้จักทาสหมา ทาสแมวไหม ? ทาสกิเลสก็พอกันนั่นแหละ ก็คือพอถึงเวลากิเลสจะจูงไปทางไหนก็ไป พอจูงเราไปทำชั่ว ๆ แล้วก็จูงเราไปห่าง ๆ วัด เราก็ดันตามไปอีก ! อย่างนี้เขาเรียกว่า "โง่สองชั้น"..!
เพราะฉะนั้น..กิเลสจูงเราไปทำชั่วได้ก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ ตราบใดที่ สติ สมาธิ ปัญญา ยังไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ โอกาสที่จะทำผิดทำพลาดย่อมมี แต่พลาดแล้วรีบแก้ไข อาศัยความผิดเป็นครู คราวหน้าจะได้ไม่ผิดตรงนั้นอีก สมัยนี้ผิดจนเป็นศาสตราจารย์ด็อกเตอร์กันไปตาม ๆ กัน ไม่ใช่ครูธรรมดานะ ครูมีตำแหน่งวิชาการสูงสุดด้วย..!
สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ที่เกิดขึ้น สาเหตุใหญ่ก็คือเรายังไม่เข็ด ไม่เกิดภยตูปัฏฐานญาณ คือยังมองไม่เห็นความน่ากลัวในวัฏสงสารนี้ ว่าการเวียนว่ายตายเกิดนั้น สร้างทุกข์สร้างโทษให้แก่เราแต่ละชาติมากเท่าไร
ตูว่าเดี๋ยวพวกที่ฟังบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ถ้าหากว่ามาได้ฟังตรงนี้ต่อ มีหวังคงด่าเอาแน่ ๆ เลยว่า "ที่ดีแบบนี้ทำไมไม่พูดให้ฟัง" จะไปยากอะไร อยากฟังก็มาฟังที่วัด..!
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-06-2023 เมื่อ 02:26
|