แล้วหลังจากนั้นเราค่อยไปพินิจพิจารณา อันดับแรก คนที่ทำให้เราโกรธเขารู้เรื่องหรือเปล่า ? เราฟุ้งซ่านไปเองคนเดียวใช่ไหม ? คนอื่นเขายังไม่ทันจะรู้สึกอะไรเลย เราโกรธเป็นวรรคเป็นเวรไปแล้ว
อันดับที่สอง ถ้าหากว่าเขาไม่รู้เรื่องเลยว่าสิ่งที่เขาทำ ขัดหูขัดตาขัดใจ แล้วทำให้เราโกรธ เขายังไม่รู้เลย แล้วเราจะโกรธไปทำไม ? ก็ให้อภัยเขาหน่อย
อันดับต่อไปก็คือ คนทั้งหลายเหล่านี้เป็นครู เขาสอนให้เรารู้ว่าเราเองยังไม่ดี ยังมีความโกรธอยู่เต็ม ๆ หัวใจเลย ในเมื่อเขาเป็นครูสอนก็ยกมือไหว้ไปเถอะ ยกมือไหว้สาธุ ทำได้ไหม ? ถ้ายกมือไหว้สาธุ แล้วต่อว่า "มึงไปไกล ๆ ตีนกูเลย..!" ถ้าแบบนี้ได้ก็ยังดี อย่างน้อย ๆ ก็มีคำดีว่าสาธุอยู่บ้าง
เรื่องของกิเลสไม่ใช่ตัดทีเดียว เราไม่เก่งขนาดนั้น ถ้าเก่งขนาดนั้นไม่มานั่งอยู่ตรงนี้หรอก พระพุทธเจ้าพาไปหมดแล้ว ในเมื่อเรารู้ตัวว่าไม่เก่งขนาดนั้น ก็เหลืออยู่แค่ว่า เราต้องขยัน
ขยันในที่นี้คืออะไร ? ก็คือ
วิริยะ..พากเพียร
ขันติ..อดทน
สัจจะ..มั่นคง จริงจัง จริงใจ
ขยัน อดทน มั่นคง ถึงจะสู้กิเลสได้ ขยัน..ไม่อดทน..ก็ท้อถอย ขยัน..อดทน..ไม่มั่นคง..ก็เป็นพวกประเภทหลักลอย ถอนตามน้ำไปเสียก่อน ต้องมั่นคงด้วย
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-06-2023 เมื่อ 02:16
|