เมื่อเสร็จสรรพเรียบร้อยก็ขึ้นรถ วิ่งตรงไปยังสถานที่เที่ยว ซึ่งเป็นสถานที่สร้างใหม่ แต่ว่างดงามเหลือใจก็คือวิหารใหญ่ ที่ชื่อว่าสวามีนารายัณ อักษรธรรม (Swsminrayan Akshrdham) ซึ่งถ้าหากว่าแปลเป็นภาษาไทย คำว่า Akshrdham นั้นแปลว่าอักษรแห่งธรรม ซึ่งพวกเราต้องเดินทางเป็นระยะทางที่ค่อนข้างไกลมาก และรถราก็ติดมาก
เมื่อไปถึงแล้ว ทางด้านคุณโชคที่เป็นไกด์ของที่นี่แนะนำว่า ไม่ต้องเอาอะไรลงไปเลย เพราะว่ามีการตรวจตราที่เข้มงวดมาก กระผม/อาตมภาพเองก็ปลดอาวุธทุกอย่าง ยกเว้นอย่างเดียวคือกระเป๋าจิงโจ้ใส่สตางค์ที่เอว แล้วก็เดินตามกันเข้าไป ปรากฏว่ามีผู้คนเข้ามาเที่ยวกันมากมายมหาศาล ทำให้แถวยาวมาก และการตรวจก็เข้มงวดเป็นอย่างยิ่ง ต้องค่อย ๆ เคลื่อนตามกันไป
จนเมื่อถึงกระผม/อาตมภาพแล้ว ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่คลำตัวอีกรอบ ทั้ง ๆ ที่เดินผ่านเครื่องแล้วไม่มีเสียงดัง มาเจอกระเป๋าจิงโจ้ ถามว่าอะไร กระผมตอบว่า "รูปิยะ (เงิน)" อีกฝ่ายหนึ่งก็พยักหน้าให้ผ่านไป ทั้งที่เป็นคนอื่นแล้ว จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องปลดออกให้เขาดู เรื่องนี้ไม่ทราบเหมือนกันว่าใครแอบอำนวยความสะดวกให้ ?
แต่เมื่อเข้าไปถึงข้างในแล้ว ปรากฏว่ารอแล้วรออีก ทางคณะมีหายไป ก็คือทิดแจ็ค ๑ คน แล้วก็คุณกอล์ฟ (นางสาวศริณยา จันทรนิภาพงศ์) พร้อมกับน้องเล็ก (นางสาวจิราพร ซื่อตรงต่อการ) มารู้ทีหลังว่าน้องเล็กนั้นมีหูฟังบลูทูธติดหูเข้าไปด้วย อีกฝ่ายหนึ่งไม่ยอมให้ผ่าน จึงต้องเดินออกไปยังสถานที่จอดรถซึ่งอยู่ไกลมาก เพื่อเอาไปเก็บไว้ที่รถ เดินไปครั้งแรกก็หารถไม่เจอ เดินไปครั้งที่สองถึงได้เจอรถแล้วเอาหูฟังฝากไว้ จึงเข้ามาช้ามาก
ทำให้คุณเอบอกกับคุณโชคหัวหน้าไกด์ว่า ให้พาพวกเราเข้าไปชมวิหาร ซึ่งเขาใช้คำว่า Mandir (มัณฑิระ) ซึ่งแปลเป็นไทยง่าย ๆ ว่ามณเฑียร ก็คืออาคารหลังมหึมา ซึ่งสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นวิหารบูชาท่านสวามีนารายัณนั่นเอง ทางด้านนอกนั้นเป็นหินทรายแดงแกะสลัก แต่ด้านในเป็นหินอ่อนแกะสลักลายละเอียดยิบ มีทั้งดุนนูนสูง ดุนนูนต่ำ มีรูปเทพเจ้าและรูปสวามีนารายัณอยู่ข้างในให้สักการบูชาด้วย
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-05-2023 เมื่อ 03:20
|