ดูแบบคำตอบเดียว
  #2  
เก่า 11-04-2023, 01:00
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,647
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,415,667 ครั้ง ใน 34,237 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันจันทร์ที่ ๑๐ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๖ บรรดาสามเณรที่เหลืออยู่ พระพี่เลี้ยงต้องดูแลให้ดี เพราะว่าพ่อแม่เขาให้ลูกมาบวชอยู่กับเรา เท่ากับมอบความไว้วางใจให้เราดูแล ที่เจ็บไข้ได้ป่วยถึงโรงพยาบาลแล้วก็เป็นหน้าที่ของหมอ แต่ถ้าอยู่กับเราก็ต้องดูแลอย่างระมัดระวังที่สุด

เจ็บป่วยอะไรรีบให้ถึงมือหมอให้เร็วที่สุด เพราะว่าไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A ถ้าร่างกายไม่แข็งแรง ตายได้เหมือนกับติดเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ ยังดีว่าพวกเรามาเป็นไข้หวัดกันแค่สองวันสุดท้าย ถ้าหากว่าเป็นก่อนหน้านั้นก็คงเจริญมาก เพราะว่าต้องอยู่ร่วมกันอีกหลายวัน เดี๋ยวถ้าหากว่าสามเณรที่อยู่โรงพยาบาลกลับมา ใครจะสึกก็ทำการสึกให้เขา แล้วก็มารับทุนการศึกษาไป ถ้าหากว่าไม่สึกก็ให้อยู่สรงน้ำสงกรานต์กันต่อไป

เมื่อครู่นี้ที่มหาหนึ่ง (พระมหานันทวัฒน์ อคฺคธมฺโม) ละล้าละลัง นำสวดมนต์ถูกบ้างผิดบ้าง
เกิดจากการที่กำลังใจไม่ได้จดจ่ออยู่กับงานตรงหน้า เผลอไปคิดเรื่องอื่นอย่างหนึ่ง อีกอย่างหนึ่งก็คือไม่ได้คิดงานตรงหน้าว่าต่อไปคืออะไร

สำหรับท่านที่รักษากำลังใจตนเอง ถ้ากลัวว่าการคิดงานตรงหน้าจะทำให้สมาธิเคลื่อนแล้วฟุ้งซ่านได้ ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี แต่จำเป็นที่จะต้องซักซ้อม ก็คือทรงสมาธิแล้วคิดให้ได้ เพราะว่าการที่เราจะตัดจะละกิเลสอะไรก็ตาม กำลังแค่อุปจารสมาธินั้นไม่พอตัดกิเลส ต้องซักซ้อมให้คล่องตัวถึงระดับอัปปนาสมาธิ ตั้งแต่ระดับปฐมฌานละเอียดขึ้นไป แล้วนำมาพินิจพิจารณา

แต่ถ้าหากว่าต้องการตัดกิเลสระดับสูง ตั้งแต่สังโยชน์ที่ ๖ ที่ ๗ ที่ ๘ ที่ ๙ ที่ ๑๐ บางท่านอาจจะสงสัยว่า ถ้ากำลังของเรามีแค่ปฐมฌานละเอียด แล้วเราตัดกิเลสได้แค่ระดับพระโสดาบันกับพระสกทาคามี ถ้าจะตัดกิเลสระดับพระอนาคามีกับพระอรหันต์จะทำอย่างไร ? ก็ไม่ต้องทำอะไร พิจารณาให้เห็นจริง แล้วถอนจิตจากการยึดถือในสิ่งต่าง ๆ ออกมาเท่านั้นเอง

เพียงแต่ว่าตอนที่เราพิจารณาอยู่นั้น กำลังสมาธิจะดิ่งลึกไปเรื่อย ท่านที่ไม่ชำนาญบางทีก็ไม่รู้ตัว กว่าที่จะรู้สภาพจิตกับกิเลสก็ต่างคนต่างแยกกันอยู่ คือตัดขาดจากกันไปแล้ว ก็แปลว่าต่อให้เราไม่สามารถทรงฌาน ๔ ได้ในขณะที่ทรงความเป็นพระโสดาบันหรือว่าพระสกาทาคามี แต่ถ้าเราพิจารณาวิปัสสนาญาณไปเรื่อย สภาพจิตจะค่อย ๆ ดิ่งลึกเป็นสมาธิสูงขึ้น ๆ เมื่อสูงถึงระดับที่สมควรกับสังโยชน์นั้น ๆ ก็จะตัดขาดกันไปเองโดยอัตโนมัติ ใครที่ยังทำไม่ได้ก็ฟังเอาไว้เป็นพื้นฐานก่อน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-04-2023 เมื่อ 02:50
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 38 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา