สิ่งที่ท่านทั้งหลายอดทนอดกลั้นไปนั้นเกิดจากมานะ ซึ่งเป็นปุพเพกตปุญญตา ก็คือบุญกุศลหรือบารมีที่สร้างมาในอดีตชาติ เคยเกิดเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ เคยเกิดเป็นพระมหากษัตริย์ เคยเกิดเป็นผู้นำคนมานับชาติไม่ถ้วน สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ทำให้ท่านทั้งหลายนั้น มีมานะว่าจะแสดงความอ่อนแอต่อหน้าคนอื่นไม่ได้
แม้กระทั่งพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ ก็เช่นกัน เมื่อกระผม/อาตมภาพรับท่านลงจากตึกริมน้ำ เพื่อที่จะขึ้นรถยนต์ไปรับแขกที่ตึกรับแขกใหม่ ท่านจะต้องลงบันไดประมาณ ๓ ขั้น กระผม/อาตมภาพเกรงว่าท่านจะสะดุดล้มจึงจับแขนของท่านเอาไว้ เมื่อท่านก้าวลงถึงบันไดขั้นสุดท้าย ก็สะบัดแขนออกทันที ขอเดินด้วยองค์ท่านเอง..!
ตรงนี้ทำให้เห็นชัดเป็นอย่างยิ่งว่า ในส่วนของมานะกษัตริย์ หรือที่เรียกว่าขัตติยมานะนั้น ก็เป็นสิ่งที่ฝังรากลึกอยู่ในขันธสันดานเหมือนกัน เมื่อถึงเวลาก็ต้องแสดงออกซึ่งความเข้มแข็งโดยส่วนเดียว เจ็บไข้ได้ป่วยแค่ไหนก็ไม่ออกอาการให้คนอื่นเห็น เวลาสู้รบกับข้าศึก บาดเจ็บแค่ไหนก็จะไม่ร้องให้ข้าศึกนั้นได้ใจ..!
ดังนั้น..ท่านทั้งหลายเหล่านี้จึงเป็นคนปากหนักโดยปริยาย ถ้าหากว่าโอดครวญขึ้นมาเมื่อไร แปลว่าสิ่งนั้นเกินกว่าที่อำนาจของร่างกายและจิตสังขารจะทานไหวแล้ว จึงเป็นเรื่องที่เราท่านทั้งหลายไม่ควรไปคิดถึงอีกประเภทหนึ่ง
เนื่องเพราะว่าพุทธวิสัย คือความสามารถของพระพุทธเจ้าก็ดี ฌานวิสัย ความสามารถของบุคคลผู้ทรงฌานทรงสมาบัติก็ตาม กรรมวิบาก การส่งผลของกรรม ตลอดจนกระทั่งโลกจินไตย ความเป็นไปของโลกนั้น เป็นสิ่งที่เราไม่ควรที่จะไปคิด
สิ่งหนึ่งประการใดที่ท่านทำ เป็นความดีความงามสำหรับพระพุทธศาสนา สำหรับส่วนรวม เราก็แค่ทำใจโมทนาในคุณงามความดีนั้นไป ในส่วนอื่น ๆ นั้น เราไม่มีสิทธิ์ไม่มีส่วนที่จะไปช่วยเหลืออะไรท่านได้ แค่เอาใจช่วยอยู่ห่าง ๆ อย่างห่วง ๆ ก็พอแล้ว
สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันศุกร์ที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-02-2023 เมื่อ 00:34
|