ดูแบบคำตอบเดียว
  #13  
เก่า 04-01-2023, 01:16
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,713
ได้ให้อนุโมทนา: 152,065
ได้รับอนุโมทนา 4,418,854 ครั้ง ใน 34,303 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถ้าหากว่าเอาแค่เบื้องต้นง่าย ๆ ก็คือว่า เราเป็นบุคคลผู้ทรงโลกิยฌานธรรมดา จัดเป็นผู้ที่หนาด้วยกิเลส เมื่อกำลังสมาธิกด รัก โลภ โกรธ หลง ให้ดับลงชั่วคราว เรายังมีความสุขเยือกเย็นจนไม่สามารถพูดเป็นภาษามนุษย์ได้ เพราะว่าสภาวธรรมตรงนี้ บาลีเรียกว่า "ปัจจัตตัง" ก็คือผู้ปฏิบัติเท่านั้นจะรู้ได้ด้วยตนเอง อธิบายหยาบ ๆ ได้เพียงว่า คนที่โดนไฟใหญ่ ๔ กองเผาอยู่ตลอดเวลา ถ้าอยู่ ๆ ไฟนั้นดับลง เราจะมีความสุขขนาดไหน เราไม่สามารถที่จะอธิบายเป็นภาษามนุษย์ได้

เมื่อมาถึงตรงนี้ ท่านแค่พิจารณาต่อไปว่า แล้วบุคคลที่ทรงสมาธิระดับสูงกว่าระดับปฐมฌาน ก็คือฌานที่ ๒ ท่านจะมีความสุขขนาดไหน ? แล้วท่านที่ทรงสมาธิฌานที่ ๓ ได้ จะมีความสุขขนาดไหน ? ท่านที่ทรงฌาน ๔ เต็มระดับได้ จะมีความสุขขนาดไหน ?

นี่แค่โลกิยฌานเบื้องต้นในระดับฌานที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๓ ที่ ๔ ยังทรงความสุขได้ระดับนี้ แล้วบุคคลที่เข้าถึงความเป็นพระโสดาบันนั้น ท่านสามารถปิดอบายภูมิได้อย่างแน่นอนแล้ว จะมีความสุขถึงเพียงใดหนอ ? ถ้าท่านรำลึกมาถึงตรงนี้ กำลังใจก็จะเห็นคุณพระศรีรัตนตรัย เพราะว่าพระอริยเจ้าเบื้องต้น คือพระโสดาบัน ยังมีความสุขมากกว่าเราจนประมาณไม่ได้ เราก็จะเห็นในคุณของพระสงฆ์อย่างแท้จริง

ในเมื่อเห็นในคุณของพระสงฆ์แล้ว พิจารณาต่อไปว่า พระสงฆ์ท่านสามารถเป็นพระอริยเจ้าได้ เพราะปฏิบัติในพระธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ความเคารพในคุณของพระรัตนตรัยของเราก็จะสมบูรณ์บริบูรณ์ ก็คือพระพุทธเจ้าทรงแสดงซึ่งพระธรรม พระสงฆ์ปฏิบัติในพระธรรมนั้นจึงเป็นพระอริยสงฆ์ได้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ความเคารพในพระรัตนตรัยของท่านทั้งหลายก็จะมั่นคงแน่นแฟ้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-01-2023 เมื่อ 02:17
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 13 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา