ดูแบบคำตอบเดียว
  #11  
เก่า 03-01-2023, 00:48
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,713
ได้ให้อนุโมทนา: 152,065
ได้รับอนุโมทนา 4,418,834 ครั้ง ใน 34,303 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เนื่องเพราะว่ากำลังสมาธิของท่าน อย่างดีที่สุดก็เข้าถึงปฐมฌานขั้นหยาบเท่านั้น ส่วนใหญ่ก็อยู่ที่ขณิกสมาธิ หรือว่าอุปจารสมาธิ ซึ่งไม่เพียงพอที่จะยับยั้งกำลังของ รัก โลภ โกรธ หลง ได้ การปฏิบัติของเราก็จะออกไปในแนวของทุกขาปฏิปทา ทันธาภิญญา ก็คือปฏิบัติก็ลำบาก บรรลุก็ยาก เพราะว่าท่านไปเน้นเอาในด้านของวิปัสสนาโดยส่วนเดียว

ขณะเดียวกันท่านที่ปฏิบัติในส่วนของสมถกรรมฐาน เมื่อถึงเวลา สมาธิของท่านทั้งหลายกดกิเลส รัก โลภ โกรธ หลง ให้นิ่งสนิทลงไป ท่านทั้งหลายก็อาจจะหลงผิด คิดว่าตนเองเข้าถึงมรรคถึงผลแล้ว ทั้ง ๆ ที่เป็นเพียงแค่วิกขัมภนวิมุติ ก็คือการที่เราหลุดพ้นด้วยการข่มไว้ด้วยกำลังของสมาธิเท่านั้นเอง เมื่อกำลังสมาธิเคลื่อนไปคลายไป ท่านทั้งหลายก็จะโดนกิเลสรุมตีรุมกระหน่ำอยู่เหมือนเดิม

ทั้ง ๒ ประการนี้ ล้วนแล้วแต่มีจุดเด่นและมีจุดอ่อนของตนเอง ก็คือสมถกรรมฐาน มีความเด่นในด้านสามารถป้องกันกิเลสได้ชั่วคราว วิปัสสนากรรมฐาน มีความเด่นในการที่เราละวางกิเลสลงไปได้ แต่ว่าจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับท่านที่ต้องการผลในการปฏิบัติภาวนาโดยเร็ว ก็คือเราจะต้องปฏิบัติในสมาธิภาวนาของสมถกรรมฐาน เหมือนกับท่านที่เพาะสร้างกำลังของตนเองให้แข็งแรงมั่นคง แล้วก็มาปฏิบัติในส่วนของวิปัสสนากรรมฐานด้วยกำลังนั้น ซึ่งวิปัสสนากรรมฐานเหมือนกับอาวุธที่มีความคมกล้า

เมื่อท่านทั้งหลายมีอาวุธที่มีความคมกล้าอยู่ ถ้าไม่มีกำลังก็ยกขึ้นตัดฟันอะไรไม่ได้ แต่ถ้าหากว่าท่านมีกำลังแล้ว สามารถที่จะยกอาวุธนี้ขึ้นมาได้ จะตัดจะฟันอะไรก็ย่อมเป็นไปโดยง่าย
ถ้าท่านทั้งหลายเน้นในด้านใดด้านหนึ่ง โอกาสที่จะเข้าถึงมรรคถึงผลที่เป็นปรมัตถประโยชน์ก็จะเป็นไปโดยยาก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-01-2023 เมื่อ 09:37
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 15 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา