ตรงจุดนี้ขอให้ทุกท่านเข้าใจว่า ในเรื่องของการทำหน้าที่คือเรื่องของการปฏิบัติธรรม เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า การที่เราตรงต่อหน้าที่ นั่นก็คือสัจจบารมี การที่เราตั้งใจทำหน้าที่อย่างเต็มความสามารถ นั่นก็คือวิริยบารมี การที่เราอดทนต่อความเหนื่อยยากที่จะปฏิบัติหน้าที่ให้ลุล่วงไปด้วยดีทุกครั้ง นั่นก็คือขันติบารมี สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ต้องประกอบไปด้วยปัญญาบารมีอีกส่วนหนึ่ง ไม่เช่นนั้นแล้วก็ไม่สามารถที่จะบริหารจัดการทุกสิ่งทุกอย่างให้เป็นไปด้วยดี พอเหมาะพอสมเป็นมัชฌิมาปฏิปทาได้
ดังนั้น..ท่านทั้งหลายที่กระทำหน้าที่ของตนอยู่ขอให้รู้ว่า ความจริงแล้วงานนั้น ๆ คือการปฏิบัติธรรม เพียงแต่ท่านต้องเอาสติสมาธิจดจ่ออยู่กับงานตรงหน้า งานทุกอย่างก็จะเป็นพระกรรมฐานไปในตัว
การที่กำลังใจของท่านจดจ่ออยู่กับงานตรงหน้า รัก โลภ โกรธ หลง ต่าง ๆ ก็ไม่สามารถที่จะเกิดขึ้นมารบกวนจิตใจของท่านทั้งหลายได้ ถ้าสามารถรักษากำลังใจที่ปราศจาก รัก โลภ โกรธ หลง ไปได้ในระยะยาว ๆ ท่านทั้งหลายก็สามารถที่จะปฏิบัติธรรมจนเห็นหน้าเห็นหลังได้ง่าย เพราะว่าสิ่งที่ทำนั้นจะต้องเผชิญกับแรงกดดัน แรงกระทบ แรงทดสอบอยู่ตลอดเวลา
ถ้าท่านสามารถทำหน้าที่เป็นอย่างดีได้ก็แปลว่า ท่านทั้งหลายมีความก้าวหน้าในการปฏิบัติธรรม และเป็นความก้าวหน้าในลักษณะของการใช้งานจริงด้วย เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ จึงเป็นเรื่องที่ท่านควรจะภูมิใจ และขณะเดียวกัน เมื่อรับหน้าที่มาแล้วก็ควรจะทำให้เต็มที่ เพราะว่านั่นก็คือกรรมฐานนั่นเอง
สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันศุกร์ที่ ๒๓ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-12-2022 เมื่อ 03:06
|