แต่ครั้งนั้นเลขานุการบอกว่า "ท่านอาจารย์อย่าเพิ่งมาเลย วันนี้หลวงปู่เครียดมาก" ถามว่าทำไม ? ท่านบอกว่า "มีคุณนายท่านหนึ่ง ถ้าบอกชื่อก็รู้กันทั่วประเทศไทย มาติดต่อสร้างวัตถุมงคล โดยที่บอกกับหลวงปู่ว่า ส่วนกำไรจะถวายหลวงปู่ ๒๐ ล้านเพื่อให้สร้างพระเจดีย์วัดสำเภาเชย แต่ปรากฏว่าหลังจากที่พุทธาภิเษกเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็หายเข้ากลีบเมฆไป ไม่ไปวัดสำเภาเชยอีกเลย" เรื่องนี้จะแปลว่าอะไรได้ ? นอกจากว่าเมื่อเห็นเงินมากแล้วก็มีรายการอมกันขึ้นมา..!
ดังนั้น..ท่านทั้งหลายจะเห็นว่าพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุงนั้นแทบจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับบรรดา "เซียนพระ" เลย ถ้าหากว่าท่านไปยุ่งเกี่ยวด้วย เขาทั้งหลายจะ "ปั่น" ให้พระเดชพระคุณหลวงพ่อดังมากกว่านี้อีกหลายเท่า แต่ว่าประโยชน์โพดผลต่าง ๆ นั้น ก็จะไปตกแก่พวกเขาอย่างมากมายมหาศาลแทน
พูดง่าย ๆ ว่า "เอาหลวงพ่อไปขายกินอย่างเป็นทางการ" นั่นเอง เมื่อมาถึงยุคของกระผม/อาตมภาพก็ยอมเสียประโยชน์ให้เฉพาะบุคคลที่ติดต่อในการสร้างเท่านั้น ไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับวงการทั้งหลายเหล่านี้เช่นกัน
ถึงแม้ว่าจะมีบุคคลที่นำเอาวัตถุมงคลไปแอบเข้าพิธีที่วัดโน้นบ้าง วัดนี้บ้าง แล้วก็ไปลงโฆษณาว่า "หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน ร่วมพิธีปลุกเสก" กระผม/อาตมภาพก็ต้องปล่อยเลยตามเลย เพราะว่าถ้าทางเจ้าของวัดเขาไม่ห้าม เราก็ไม่สามารถที่จะห้ามได้เช่นกัน
ขอให้ท่านทั้งหลายทราบว่าวงการนี้ "เขี้ยวลากดิน" จนกระทั่งเดินขึ้นหน้าไม่ได้ จะเดินไปไหนก็ต้องเดินถอยหลัง ไม่อย่างนั้นแล้วเขี้ยวจะค้ำพื้นเดินต่อไปไม่ได้..!
สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันศุกร์ที่ ๒๕ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๕
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-11-2022 เมื่อ 01:27
|