โดยเฉพาะในส่วนของเอตทัคคบุคคลนั้น ในอสีติมหาสาวก คือพระสาวกผู้ใหญ่ที่ได้รับการนำประวัติมาให้ศึกษาทั้ง ๘๐ รูป มีเพียง ๔๑ รูปที่ได้เอตทัคคะ คือเป็นผู้ที่ได้รับการยกย่องว่ามีความสามารถยอดเยี่ยมในทางใดทางหนึ่ง และมีเพียง ๒ รูปที่ได้เกินกว่า ๑ อย่าง
รูปแรกคือพระสุภูติเถระ ได้เอตทัคคะ ๒ ประการ คือเป็นเอตทัคคะในการอยู่อรณวิหาร ก็คือการอยู่โดยปราศจากกิเลส และเอตทัคคะทางทักขิเณยยบุคคล คือเป็นบุคคลที่คู่ควรแก่การนำข้าวของมาถวายมาทำบุญด้วย เพราะว่าการอยู่อรณวิหารหรือการอยู่โดยปราศจากกิเลสนั้น คือการเข้านิโรธสมาบัติ ในเมื่อเป็นผู้เข้านิโรธสมาบัติ ย่อมเป็นบุคคลที่ควรแก่การทำบุญด้วย
อีกผู้หนึ่งก็คือพระอานนทเถระนั่นเอง ได้เป็นเอตทัคคะยอดเยี่ยมใน ๕ ประการ คือเป็นผู้มีสติ เป็นผู้มีคติ เป็นผู้มีความเพียร (ธิติ) เป็นผู้มีความทรงจำเป็นเลิศ (พหูสูตร) เป็นพุทธอุปัฏฐาก เหล่านี้เป็นต้น
ดังนั้น..สิ่งที่เราต้องจดจำ ถ้าหากว่ารู้จักแยกแยะก็จะจำง่ายขึ้น แล้วขณะเดียวกัน เราต้องเข้าใจว่า คำว่า อนุ ในที่นี้แปลว่า ตาม พุทธะแปลว่า รู้ ก็คือรู้ตามที่พระพุทธเจ้าสอน ได้แก่ พระอรหันต์
เนื่องเพราะว่าพุทธะนั้น อรรถกถาจารย์ท่านแยกออกเป็น ๔ อย่างด้วยกัน ก็คือ
๑) สัมมาสัมพุทธะ เป็นผู้ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง
๒) ปัจเจกพุทธะ เป็นผู้ที่ต้องการรู้ถ้วนในหลักธรรมทุกประการ แต่ไม่ต้องการสอนใคร ต้องการรู้เฉพาะตนเท่านั้น
๓) อนุพุทธะ เป็นผู้รู้ตามที่พระพุทธเจ้าสั่งสอน ก็คือพระอรหันต์
๔) สุตพุทธะ เป็นผู้รู้ในการทรงจำพระธรรมพระวินัย อย่างที่ประเทศพม่าในปัจจุบันนี้มีผู้ทรงจำพระไตรปิฎก คือสามารถท่องจำพระไตรปิฎกได้ทั้ง ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ ท่านทั้งหลายเหล่านี้จะเรียกว่าสุตพุทธะ ถ้าแปลตรง ๆ คือผู้รู้ในพระสูตร แต่ถ้าจะแปลให้ครบถ้วนก็คือผู้ทรงจำได้ซึ่งพระธรรมวินัย
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-11-2022 เมื่อ 02:09
|