การที่ท่านทั้งหลายสามารถเข้าถึงความเป็นพระอริยเจ้าได้ เพราะอะไร ? ก็เพราะว่าสามารถละสังโยชน์ได้ทั้ง ๑๐ ประการ
สังโยชน์ ๑๐ ประการก็ยังแบ่งออกเป็น ๒ จำพวก ก็คือโอรัมภาคิยสังโยชน์ สังโยชน์เบื้องต่ำ ๕ ประการ
ตั้งแต่สักกายทิฏฐิ ก็คือ ตัวกูของกู
วิจิกิจฉา ความลังเลสงสัยทั้งในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ และลังเลสงสัยในผลการปฏิบัติ
สีลัพพตปรามาส รักษาศีลไม่จริงจัง ทำเหมือนแค่ลูบ ๆ คลำ ๆ ไม่จับให้มั่นคั้นให้ตาย
กามฉันทะ ความที่ยังข้องอยู่กับรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส และธรรมารมณ์
ปฏิฆะ ยังมีแรงกระทบที่ก่อให้เกิดโทสะได้
สังโยชน์ ๕ ประการนี้เป็นสังโยชน์เบื้องต่ำ ถ้าละได้ ๓ ประการแรก สามารถเป็นพระโสดาปัตติผลและพระสกทาคามิผล ถ้าหากว่าเลยมาพูดถึงผลแบบนี้ แปลว่ามรรคต้องได้ไปด้วยแล้ว
คราวนี้ในตำราบอกไว้แค่ว่า พระสกทาคามีละสังโยชน์เบื้องต้น ๓ ข้อได้ พร้อมกับทำราคะและโทสะให้เบาบางลง ไม่มีคำอธิบายได้ชัดเจนไปกว่านี้
แต่พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ท่านบอกไว้ชัดเจนว่า ศีล ๕ เป็นคุณสมบัติของพระโสดาบัน
กรรมบถ ๑๐ เป็นคุณสมบัติของพระสกทาคามี ศีล ๘ เป็นคุณสมบัติของพระอนาคามี ถ้าอย่างนี้จะชัดเจนมาก ก็คือเราจะรู้ว่าท่านต้องประพฤติวัตรปฏิบัติอะไรเป็นหลัก มีอะไรเป็นข้อยึดถือของตนเอง ?
ส่วนอุทธัมภาคิยสังโยชน์ สังโยชน์เบื้องสูงทั้ง ๕ อย่าง ผู้ที่ละได้จะเข้าถึงพระอรหัตผล ประกอบไปด้วย
รูปราคะ ความยินดีในรูปทั้งปวง โดยเฉพาะส่วนละเอียด คือ รูปฌาน
อรูปราคะ ความยินดีในความไม่มีรูปทั้งปวง โดยเฉพาะ อรูปฌาน
มานะ ความถือตัวถือตน ไม่ว่าจะถือว่าเราดีกว่าเขา เราเสมอเขา หรือว่าเราเลวกว่าเขา จัดเป็นมานะสังโยชน์ทั้งหมด
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-11-2022 เมื่อ 02:48
|