ดูแบบคำตอบเดียว
  #3  
เก่า 28-10-2022, 00:00
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,700
ได้ให้อนุโมทนา: 152,038
ได้รับอนุโมทนา 4,418,139 ครั้ง ใน 34,290 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระพุทธศาสนาจะเจริญได้ต้องมีศาสนบุคคล คือ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา พร้อมใจกันเสียสละ โดยเฉพาะทำตัวเองให้เข้าถึงธรรมให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้

ถึงเวลาคนไหนตำหนิว่าร้ายใน พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เราจะได้ช่วยแก้ต่างให้กับพระพุทธศาสนาได้ ไม่ใช่ถึงเวลาเขาว่ามา เราก็จนด้วยปัญญา ไม่รู้จะบอกจะกล่าวอย่างไร เพราะว่าตัวเองก็ไม่เคยปฏิบัติอย่างจริง ๆ จัง ๆ การเรียนปริยัติก็แค่เรียนให้จบ ไม่ได้เรียนให้รู้ ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องโทษใครเลย

จะว่าไปแล้ว กระผม/อาตมภาพสงสารพระพุทธศาสนาของเราเป็นอย่างยิ่ง เพราะว่าน้อยคนที่ตั้งใจบวชมาเพื่อละกิเลส ส่วนใหญ่แล้วบวชมาด้วยสารพัดจุดมุ่งหมายที่ไม่เหมือนกัน อย่างที่บางคนเขาบอกว่า "บวชเพราะอกหัก หลักลอย คอยงาน สังขารเสื่อม เอือมเจ้านาย ยายให้บวชแก้บน..!"

พระพุทธเจ้าตรัสเอาไว้ว่า การบวชนั้นก็คืออุปชีวิกา บวชเพื่อเลี้ยงชีวิต คนทั้งหลายเหล่านี้รู้สึกว่าการบวชเป็นพระแล้วอยู่สบาย กินสบาย น่าจะให้มาบวชที่วัดท่าขนุนดู..!

อย่างที่เดือนก่อน มีการสัมมนาคณะสงฆ์ แล้วพระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณอาจารย์พระเทพปฏิภาณกวี (บุญมา อาคมปุญโญ ป.ธ.๘) ท่านบอกว่า ในเขตดูแลของท่าน ในกรุงเทพฯ แท้ ๆ มีพระไม่ยอมเรียนอยู่มากมาย บอกว่า "เสียเวลาบิณฑบาต เอาอาหารไปขายให้แม่ค้า ได้เงินเร็วกว่าตั้งเยอะ จะเรียนไปทำไม ?" นี่คือลักษณะของอุปชีวิกา บวชเพื่ออาศัยศาสนาเลี้ยงชีวิต

ข้อที่สองก็คืออุปกิฬิกา บวชเพื่อความสนุก เห็นคนอื่นเขาบวช มีแห่ตึงตังโครมคราม ก็อยากมีบ้าง อย่างสมัยนี้บางบ้านบวชเพื่อ "เก็บซอง" จากเพื่อนบ้าน ถึงเวลาบ้านอื่นจัดงาน เราไปช่วยงานเขา ควักเงินใส่ซองไปให้เขาบ่อย ๆ ของเราไม่มีอะไรก็จัดงานบวชลูกชาย

สมัยที่กระผม/อาตมภาพยังเป็นวัยรุ่นอยู่ ทางหมู่บ้านมีการบวชเหมือนกัน บวชวันแรกไปฉลองที่บ้าน มีการเลี้ยงเพล เลี้ยงทั้งพระ เลี้ยงทั้งโยม กว่าจะกลับเข้าวัดได้ก็เย็น รุ่งขึ้นบิณฑบาต ทำวัตรวันหนึ่ง มะรืนสึกแต่เช้า กลับไปบ้าน เขายังเก็บสถานที่ไม่เสร็จเลย..! โดนเขาด่ากันทั้งอำเภอ เพราะว่าตั้งใจบวชเพื่อที่จะ "เก็บซอง" จากคนอื่นเท่านั้น

ประการสุดท้ายคืออุปนิสฺสรณิกา บวชเพื่อความพ้นทุกข์ ซึ่งมีน้อยมาก ที่เขาบอกว่า "บวชหนีสงสาร" ก็คือบวชหนีวัฏสงสาร พวกบวชผลาญข้าวสุกคืออุปชีวิกา บวชสนุกตามเพื่อนคืออุปกิฬิกา
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-10-2022 เมื่อ 02:41
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา