ดูแบบคำตอบเดียว
  #4  
เก่า 18-09-2022, 22:46
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,653
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,415,944 ครั้ง ใน 34,243 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

กระผม/อาตมภาพจึงได้กราบเรียนถามต่อไปว่า "แล้วถ้าเป็นนิโรธสมาบัติละครับ ?" พระเดชพระคุณหลวงพ่อกล่าวว่า "นั่นเป็นสมาธิพิเศษอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งใช้กำลังของฌาน ๔ หรือว่าสมาบัติ ๘ ก็ได้ แต่เป็นกำลังที่ต้องผ่านการพิจารณาวิปัสสนาญาณมาอย่างเต็มที่แล้ว หลังจากนั้นก็คลายกำลังใจออกมา ให้อยู่กึ่งกลางระหว่างสมถกรรมฐาน คือตัวสมาธิ กับวิปัสสนากรรมฐาน ก็คือตัวปัญญาในการพินิจพิจารณา กำลังใจวางอยู่ตรงกลางนั้น ก็นับเป็นนิโรธสมาบัติ"

"บุคคลที่สามารถถอดจิตได้ตามหลักมโนมยิทธินั้น สามารถที่จะเข้านิโรธสมาบัติได้ทุกคน เพียงแต่ว่าสามารถที่จะรักษากำลังใจได้นานเท่าไรเท่านั้นเอง การที่จะรักษากำลังใจเอาไว้นั้น ส่วนที่ต้องชัดเจนที่สุดก็คือ ไม่เกาะเกี่ยวกับสภาพร่างกายนี้ ไม่ว่าจะเป็นการไปท่องเที่ยวตามภพต่าง ๆ ก็ดี หรือว่ากำลังใจที่นิ่งอยู่ภายใน ไม่สนใจอาการภายนอก ตัดจากตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ โดยเด็ดขาด นิ่งสงบอยู่ภายใน โดยที่กำหนดเวลาไว้ว่าต้องการเท่าไร จะเอา ๓๐ นาที ๑ ชั่วโมง ครึ่งวัน ๑ วัน ๓ วัน ๗ วัน ครึ่งเดือน ๑ เดือน ๓ เดือน ๖ เดือน ๑ ปี ก็อยู่ที่เราตั้งใจเอาไว้ ถึงเวลากำลังสมาธิจะรักษากายสังขารนี้เอาไว้ได้"

เมื่อกราบเรียนถามว่า "ถ้าไม่ได้กินนานขนาดนั้นแล้วร่างกายจะอยู่ได้อย่างไรครับ ?" พระเดชพระคุณหลวงพ่อตอบว่า "ร่างกายจะหากินด้วยตนเอง ก็คือดึงเอาธาตุ ๔ ที่เป็นของละเอียด คือ ดิน น้ำ ไฟ ลม ที่อยู่รอบข้างเข้าไปทางผิวหนังทุกส่วน สามารถที่จะประคับประคองขันธ์นี้เอาไว้ได้ แต่ว่าเป็นสิ่งที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ได้สรรเสริญ เพราะเป็นการกระทำเพื่อตัวเอง ไม่ได้ก่อประโยชน์แก่ชนหมู่มาก ไม่ได้ก่อความสุขแก่ชนหมู่มาก ไม่ได้อนุเคราะห์แก่โลก แบบหลวงพ่อขี้ค้างคาว ที่เข้าสมาธิอยู่ตลอดเวลาหลายสิบปี เป็นต้น"

กระผม/อาตมภาพก็เพิ่งจะเข้าใจว่า ในเรื่องของการที่เราทำอยู่ทุกวันนี้นั้น ส่วนไหนเรียกว่าอะไร ? บางสิ่งบางอย่าง ถ้าไม่ถึงวาระ ไม่ถึงเวลา บางทีก็ไม่มีกำลังใจที่คิดจะสอบถาม บางสิ่งบางอย่าง ถ้าเวลาและวาระมาถึง พระหรือว่าพรหม เทวดา หรือครูบาอาจารย์ บางทีท่านก็บอกกล่าวเอง บางทีเราระลึกถึงขึ้นมาได้ก็กราบเรียนสอบถามบ้าง

แต่ว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้นั้น ท่านทั้งหลายที่คิดว่าตนเองน่าจะทำได้ โปรดระมัดระวังเอาไว้ด้วย สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ทำให้เราพลาดจากหลักธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ง่ายที่สุด อย่างเช่นท่านคิดว่าท่านจะเข้านิโรธสมาบัติ แล้วก็ตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติไป ไม่รู้ว่าอะไรถูก ไม่รู้ว่าอะไรผิด เพราะว่าไม่มีครูบาอาจารย์ที่ปราศจากตัวตนคอยแนะนำ คอยแก้ไขให้ ถ้าหากว่าท่านไปผิดทาง ก็แปลว่าเสียเวลาในการปฏิบัติไปเปล่า ๆ ถ้าเอามาพินิจพิจารณาในวิปัสสนาญาณ อาจจะบรรลุมรรคผลเป็นพระอริยเจ้าระดับใดระดับหนึ่งไปนานแล้วก็ได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-09-2022 เมื่อ 02:14
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 39 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา