เนื่องจากว่ายังไม่เข้าใจว่า เจโตปริยญาณนั้นเราดูได้เฉพาะบุคคลที่เสมอกันหรือว่าต่ำกว่าเท่านั้น บุคคลที่สูงกว่า ถ้าท่านตั้งใจปิดบัง เราก็ไม่สามารถที่จะรู้ได้ ซึ่งกระผม/อาตมภาพก็ไม่ได้รู้สึกอับอายขายหน้าแต่ประการใด เพราะว่าบุคคลระดับพระองค์ที่ ๑๐ ถ้าท่านตั้งใจปิดบัง ก็คาดว่าทั่วทั้งประเทศไทย ไม่มีใครที่สามารถจะรู้กำลังใจของท่านได้เช่นกัน
ซึ่งยังมีอีกท่านหนึ่ง คือท่านอาจารย์ปถัมภ์ เรียนเมฆ ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งหนังสือมหาจักรและคนพ้นโลก ก็โดนพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ ปิดบังกำลังใจถึงระดับ "แว่นแตก" ไปเช่นกัน ทำให้บุคคลที่ร้อนวิชาอย่างท่านอาจารย์อาจารย์ปถัมภ์ เรียนเมฆ และกระผม/อาตมภาพนั้น ต้องเจียมตัวและสำนึกตัว
ท้ายที่สุดก็เข้าใจว่า เจโตปริยญาณนั้นไม่ได้มีเอาไว้ดูใจคนอื่น หากแต่มีเอาไว้เพื่อดูใจของเราเองว่า ในขณะนี้ใจของเรามีความดีอยู่หรือไม่ ? ถ้าหากว่ายังไม่มีก็ให้รีบสร้างความดีต่าง ๆ ขึ้นมา ถ้าหากว่าพอมีอยู่บ้างแล้วก็เร่งพัฒนาให้เจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไป หรือดูว่ากำลังใจของเรามีความชั่วอยู่หรือไม่ ? ถ้าหากว่ามีอยู่ ก็ให้เร่งขับไล่ออกไป แล้วระมัดระวังไว้ไม่ให้ความชั่วทั้งหลายเหล่านั้นกลับเข้ามา
ตรงจุดนี้ทำให้กระผม/อาตมภาพ ซึ่งสมัยก่อนร้อนวิชาเป็นอย่างยิ่ง เมื่อโดนพระองค์ที่ ๑๐ ท่าน "ทุบ" เข้า จึงได้สติ แล้วท้ายที่สุดก็มาโดนพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านตอกซ้ำเข้าไปอีกว่า บุคคลที่ได้วิชชา ๒ อภิญญา ๕ สมาบัติ ๘ ยังห่างจากขุมนรกแค่ช่วงนิ้วมือเดียว นอกจากบุคคลที่สามารถเข้าถึงความเป็นพระโสดาบันอย่างแท้จริงแล้วเท่านั้น ถึงจะสามารถปิดอบายภูมิได้อย่างสิ้นเชิง
จึงทำให้กระผม/อาตมภาพได้สติ ละเว้นในเรื่องของกีฬาสมาธิที่เล่นสนุกสนานอยู่หลายปี มาเร่งรัดในเรื่องของมรรคของผล จนกระทั่งเกิดอารมณ์ใจเคารพต่อพระรัตนตรัยขึ้นมา อย่างชนิดที่เกิดความคิดขึ้นในใจว่า ต่อให้เราต้องทนทุกข์ทรมานอยู่ในกายสังขารนี้ไปจนอายุ ๑๒๐ ปี ถ้าสามารถเข้าถึงความเป็นพระโสดาบันในชาตินี้ได้ ก็คุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้ม..!!!
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-08-2022 เมื่อ 01:05
|