ดูแบบคำตอบเดียว
  #4  
เก่า 16-08-2022, 23:55
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,696
ได้ให้อนุโมทนา: 152,041
ได้รับอนุโมทนา 4,418,095 ครั้ง ใน 34,286 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

แล้วถัดจากนั้นก็คือหลวงปู่เพิ่ม วัดกลางบางแก้ว กินตำแหน่งที่พระพุทธวิถีนายกเหมือนกับครูบาอาจารย์ตนเอง ถัดจากนั้นมาก็เป็นหลวงปู่เจือ ที่เป็นแค่พระครูฐานานุกรมที่พระครูสังฆรักษ์ เป็นหลวงตาแก่ ๆ เฝ้าวัด แต่ชื่อเสียงเกียรติคุณในด้านเบี้ยแก้นั้น โด่งดังใกล้เคียงครูบาอาจารย์ คือหลวงปู่เพิ่มเลย

ทำไมกระผม/อาตมภาพถึงได้ยกตัวอย่างตรงนี้ ? ก็เพราะว่าถ้าหากว่านับในจังหวัดนครปฐมแล้ว เราจะเห็นว่า ยุคของหลวงปู่บุญมาถึงหลวงปู่เพิ่ม มาถึงหลวงปู่เจือซึ่งเป็นยุคปัจจุบันที่พวกเราทันกันอยู่ ทั้ง ๓ รูปล้วนแล้วแต่ได้รับความเชื่อถือศรัทธาจากญาติโยมเป็นอย่างยิ่ง ทำอะไรก็ได้รับการสนับสนุน พูดอะไรก็ขลัง เพราะว่าท่านทำเองได้ ปรากฏผลอย่างชัดเจน เครื่องรางของขลังทำออกมาทุกชิ้นมีประสบการณ์ทั้งสิ้น ไม่ต้องไปพูดถึงเรื่องของมรรคของผล แค่เรื่องของไสยเวทย์อาคม วัตถุมงคล แค่นี้ก็กินขาดแล้ว

ดังนั้น...ในเรื่องของการที่จะไปเผยแผ่พระพุทธศาสนา อันดับแรก ต้องทำให้เกิดผลแก่ตัวเอง ถึงจะสร้างศรัทธาปสาทะได้มาก

ประการที่สอง เมื่อทำจนเกิดผลแล้ว ย่อมมีกำลังใจที่จะต่อต้าน รัก โลภ โกรธ หลง ได้ ต่อให้อยู่แค่ระดับฌานสมาบัติ ถ้าทรงฌานเอาไว้ กิเลสก็โดนกดดับไปชั่วคราว จะมีกำลังในการต้านทุจริต ทางกาย ทางวาจา ทางใจได้ในระดับหนึ่ง

ผลของการปฏิบัติ แม้จะอยู่ในระดับฌานสมาบัติ แต่ก็จัดเป็นอุตริมนุสสธรรม คือธรรมอันยิ่งที่คนทั่วไปทำไม่ได้ ก็ย่อมสร้างความน่าเชื่อถือให้เกิดขึ้น ในเมื่อคนเขาเชื่อถือ คราวนี้จะจูงไปทางไหนก็ไปด้วย ชี้ให้ไปทางไหนก็ไปทางนั้น

ดังนั้น...ในเรื่องของการต้านทุจริต นอกจากที่ต้องเริ่มจากครอบครัว ดังที่กระผม/อาตมภาพได้เคยกล่าวไปแล้ว ต่อด้วยครูบาอาจารย์ในโรงเรียน แล้วจึงมาถึงพระอุปัชฌาย์อาจารย์ในความเป็นพระภิกษุสามเณร จากนั้นเรายังต้องบ่มเพาะตนเอง จนไปถึงระดับที่ญาติโยมให้ความศรัทธาเลื่อมใส ถึงจะก่อให้เกิดผลดีแก่พระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง

ดังนั้น...เรื่องพวกนี้จึงไม่ใช่เรื่องที่ว่าเรากำหนดหลักสูตรเท่ ๆ ขึ้นมา เอาหลักธรรมข้อโน้นข้อนี้ใส่เข้าไป นั่นเหมือนอย่างกับท่านทั้งหลายมีสูตรอาหารอยู่ในมือ ถึงจะอร่อยแค่ไหนก็ตาม ถ้าคนไม่เอาไปทำกิน จะออกมาได้ผลได้ประโยชน์บ้างไหม ?

แต่ถ้าหากว่าท่านอยู่ในระดับของหม่อมราชวงศ์ถนัดศรี สวัสดิวัตน์ ผลิตสูตรอาหารออกมาก็ต้องมีคนเอาไปลองว่าอร่อยตรงไหน ก็แปลว่าอย่างน้อย ๆ ต้องสั่งสมคุณงามความดี ความน่าเชื่อถือไปถึงขนาดนั้นถึงจะมีคนคล้อยตาม ปฏิบัติตาม นับว่าเป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะยากมาก ไม่ใช่ว่ามีหลักสูตรแล้วจะสำเร็จ สิ่งต่าง ๆ ที่เป็นองค์ประกอบยังมีอีกมากมายมหาศาล

วันนี้จึงขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และ
บอกกล่าวแก่ญาติโยมทั้งหลายแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอังคารที่ ๑๖ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-08-2022 เมื่อ 02:53
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 38 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา