ท่านบอกว่า ๖๔ รอบอันตรกัปเป็น ๑ อสงไขยกัป ภูเขาสึกไป ๖๔ ลูก เท่ากับ ๑ อสงไขยกัป ๔ อสงไขยกัปเท่ากับ ๑ มหากัป แปลว่า ๑ มหากัป คุณต้องเช็ดภูเขา ๒๕๖ ลูกให้สึกเสมอพื้น..! แล้วพระพุทธเจ้าท่านต้องสร้างบารมีต่ำสุด ๔ อสงไขยกับแสนมหากัป นานจนไม่ต้องนับกันเลย
แต่คราวนี้ต้องบอกว่าพวกเราทั้งหลายอยู่ในช่วงจังหวะที่ดีมาก เพราะว่าได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ได้พบพระพุทธศาสนา ได้ฟังธรรมแล้วน้อมนำมาปฏิบัติ อยู่ในครอบครัวที่เป็นสัมมาทิฏฐิ ถึงเวลาแล้วก็สนใจ ใฝ่รู้ ใฝ่ธรรม เข้าวัดเข้าวา จนกระทั่งเตรียมบรรพชาอุปสมบท
เราทำสิ่งที่แสนจะยากทั้งหมดได้แล้ว ก็เหลืออยู่อย่างเดียวว่า บวชเข้าไปแล้วเราจะทำตัวอย่างไร ? เพราะว่าอานิสงส์ได้เต็มทันทีที่คู่สวดประกาศว่า "อุปะสัมปันโน สังเฆนะ" บัดนี้ได้ยกท่านทั้งหลายขึ้นสู่หมู่สงฆ์แล้ว จะสึกตอนนั้นก็ไม่ว่า บุญเต็มแล้ว คราวนี้อยู่ต่อก็สำคัญตรงที่ว่า ถ้าทำดีก็บวกเข้าไป แต่ถ้าทำชั่วก็ลบออก
แต่คราวนี้ต้นทุนของพระมาก ถึงเวลาจึงขาดทุนมาก ถ้าหากว่าชาวบ้านศีล ๕ ข้อ สมมติว่าลงทุนไป ๕ ล้าน ถ้าได้กำไรก็ประมาณว่า ๕ ล้านลงทุนเท่าไรก็ได้แค่นั้น แต่พระลงทุนไป ๒๒๗ ล้าน ถ้าได้กำไรนี่มากกว่าชาวบ้านกี่เท่า ? แต่ถ้าขาดทุนก็สาหัสกว่าชาวบ้านหลายเท่า..!
ดังนั้น..จะกำไรหรือขาดทุนอยู่ที่การประพฤติปฏิบัติของพวกเรา โดยเฉพาะต่อให้มีความรู้มากเท่าไร มีความสามารถมากเท่าไร ท่านบวชเข้ามาก็คือพระใหม่ ในสังคมพระ เขาปกครองกันตามลำดับอาวุโส ต่อให้บวชชุดเดียวกัน คนที่คู่สวดออกชื่อก่อนก็เป็นพี่
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-07-2022 เมื่อ 03:05
|