ถ้าเป็นคำแนะนำของพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุงก็คือ อย่าให้อาบัตินั้นได้ข้ามวัน เพราะว่าเราอาจจะตายเสียก่อนในคืนนั้น โดยที่ท่านได้ยกตัวอย่างเอรกปัตตนาคราช ซึ่งเคยบวชเป็นพระภิกษุ จำพรรษาอยู่ถึง ๒๐,๐๐๐ ปี แต่ว่าไปทำให้ใบของต้นตะไคร้น้ำขาด ซึ่งเป็นโทษพรากของเขียวในศีลของพระ
ขณะนั้นท่านอยู่รูปเดียว หาพระแสดงคืนอาบัติไม่ได้ จิตใจเศร้าหมองว่าตัวเราศีลไม่บริสุทธิ์ เมื่อมรณภาพแล้วจึงไปเกิดเป็นพญานาค คือแทนที่จะได้มรรคได้ผลเหมือนคนอื่นเขาก็ไม่ได้อะไร เพราะว่าศีลของตนไม่บริสุทธิ์
ขณะเดียวกัน จะได้เป็นเทวดานางฟ้าหรือพรหม ตามวาสนาบารมีของตนที่สั่งสมคุณความดีมาถึง ๒๐,๐๐๐ ปี ก็ไม่ได้เป็น หากแต่ว่าไปเกิดเป็นพญานาค ที่จัดอยู่ในภูมิของสัตว์เดรัจฉาน ถึงแม้ว่าเป็นสัตว์เดรัจฉานที่มีฤทธิ์มากก็ตาม ก็ยังอยู่ในภพภูมิที่ไม่มีโอกาสเข้าถึงมรรคถึงผลอยู่ดี
ดังนั้น...บุคคลใดบุคลลหนึ่งในพระภิกษุสงฆ์ของเรา เมื่อต้องอาบัติแล้วก็อย่าได้ปล่อยให้ข้ามวันข้ามคืน ถ้าอย่างของวัดท่าขนุน ก็มีการแสดงอาบัติก่อนทำวัตรเย็นทุกครั้ง และแสดงอาบัติก่อนลงสังฆกรรมทุกครั้ง เพื่อให้มั่นใจว่าตัวเราเป็นผู้ที่บริสุทธิ์แล้ว
บุคคลใดที่โดนอาบัติหนัก เช่น สังฆาทิเสส ก็จะโดนแยกออกไปอยู่ต่างหาก แล้วให้ไปเข้าปริวาสกรรมเพื่อแก้คืน เมื่อได้รับการลงโทษตามจำนวนวันที่ปกปิดไปแล้วก็เก็บมานัตต์ จากนั้นมาขอให้คณะสงฆ์ ๒๐ รูปสวดคืนความเป็นพระให้ จึงจะเป็นพระที่มีศีลเสมอกันอีกครั้งหนึ่ง เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ ครูบาอาจารย์ท่านเข้มงวดตลอดมา กระผม/อาตมภาพก็ถือปฏิปทา แนะนำท่านทั้งหลายให้กระทำตามแบบอย่างไปด้วย
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-06-2022 เมื่อ 03:20
|