เมื่อฉันเช้าเสร็จสรรพเรียบร้อยแล้ว รอจนกระทั่งรถมารับ พวกเราก็เดินทางไปยังวัดรุมเต็กธัมมจักรา ซึ่งเป็นวัดที่ใหญ่ที่สุดในนครรัฐสิกขิมนี้ และขณะเดียวกันก็เป็นวัดที่เก่าแก่มาก สร้างมาหลายร้อยปีแล้ว
แต่คราวนี้ทางด้านคุณสุเรศวร์ ผู้เป็นมัคคุเทศก์ท้องถิ่นกับคุณเอ (ฉัตริน เพียรธรรม) ต่างคนต่างก็ให้ข้อมูลตรงกันว่า วัดที่พวกเราหรือนักท่องเที่ยวทั่วไปเดินทางไปชมนั้น เป็นวัดที่สร้างขึ้นมาใหม่ วัดรุมเต็กธัมมจักราที่เก่าอย่างแท้จริงนั้นอยู่อีกแห่งหนึ่ง เมื่อชมสถานที่วัดใหม่ซึ่งเป็นที่นิยมของทุกคนแล้ว ก็จะพาไปพวกเราไปชมที่วัดเก่าเป็นการแถมให้อีกด้วย
เมื่อเราเดินทางมาถึงยังวัดรุมเต็กธัมมจักรา ปรากฏว่าเห็นเจ้าหน้าที่ในเครื่องแบบ คาดว่าจะเป็นทหารหรือตำรวจหลายนายเฝ้าอยู่ที่ทางหน้าประตู โดยที่แจ้งว่าทางด้านวัดรุมเต็กธัมมจักรานี้ เป็นวัดของนิกายหมวกดำ หรือถ้าหากเรียกเป็นภาษาทิเบตก็คือนิกายกากิวปะ (Kagyupa)
นิกายหมวกดำนี้มีวัตรปฏิบัติต่างไปจากนิกายอื่นอยู่บ้าง จึงทำให้กลายเป็นเกิดการกระทบกระทั่งกันระหว่างนิกายขึ้นมา จนถึงขนาดมีการลงไม้ลงมือกัน ทางด้านเจ้าหน้าที่จึงต้องจัดกำลังมาเฝ้าวัดทั้งช่วงบนและช่วงล่างเอาไว้มากมายหลายนาย และขอตรวจกันอย่างเข้มงวดสักหน่อย
คุณสุเรศวร์จึงต้องไปทำหน้าที่ในการชี้แจง และมอบพาสปอร์ตของทุกคนให้ทางเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ โดยที่เจ้าหน้าที่ชี้ให้พวกเราเข้าไปยังร้านค้าจำหน่ายสินค้าที่ระลึก บอกว่าในระหว่างรอการตรวจสอบก็ให้ซื้อของไปพลาง ๆ ก่อน..!
เมื่อพวกเราผ่านการตรวจสอบแล้ว ยังไม่สามารถที่จะนำรถวิ่งตรงขึ้นไปที่ตัววัดได้ เพื่อความปลอดภัยด้วยประการทั้งปวงของฝ่ายเขาและฝ่ายเราจึงขอให้พวกเราเดินเท้ากันขึ้นไป พวกเราจึงต้องออกกำลังกายเดินขึ้นเนินไปเป็นระยะทางที่ยาวนับกิโลเมตรทีเดียว..!
เมื่อไปถึงตัววัดทางด้านบนแล้ว ผ่านเจ้าหน้าที่เข้าไปภายใน ซึ่งมีกฎเกณฑ์กติกาเหมือนกันหมดก็คือห้ามถ่ายรูป..! แต่ว่าท่านทั้งหลายต้องเข้าใจว่า คณะของเรานั้นมากับเจ้าแม่หลักเมืองนภิสราเทวี ซึ่งกระผม/อาตมภาพเรียกด้วยความหมั่นไส้ว่า "เจ้าแม่น้ำพริกสละ"..!
เมื่อ "เจ้าแม่น้ำพริกสละ"ของเราจัดการให้ ทุกสิ่งทุกอย่างก็กลายเป็นสะดวกและง่ายดายไปหมด สามารถที่จะตั้งขบวนหรือว่ายืนถ่ายรูปกันอย่างเปิดเผยได้ โดยที่ทางเจ้าหน้าที่ของเขานั้นทำเหมือนกับไม่รู้ไม่ชี้ หรือว่าไม่เห็นเสียอย่างนั้นแหละ..!
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-06-2022 เมื่อ 05:49
|