เมื่อพร้อมแล้ว พวกเราก็ได้เดินทางต่อจากเมืองบักโดกรา ตรงไปยังเมืองดาร์จีลิงก์ ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางของเรา ตลอดเส้นทางที่คับแคบคดเคี้ยววกวนไปตามไหล่เขานั้น ประกอบไปด้วยไร่ชาสุดลูกหูลูกตา
เมืองดาร์จีลิงก์เป็นเมืองแห่งภูเขา ทำให้ปลูกชาได้งอกงามมาก แต่ว่าชาอินเดียนั้นรสชาติไม่เหมือนกับชาจีน ส่วนใหญ่แล้วออกไปทางกลิ่นแรงทำให้ไม่คุ้นเคย คนอินเดียจะเอามาทำเป็นชานมหรือ "กะลัมไจ" มากกว่า เมื่อกระผม/อาตมภาพซึ่งคุ้นเคยกับชาจีนสั่ง Black tea ก็จะได้ชาที่ออกไปในแนว Lipton ที่ท่านทั้งหลายเคยได้พบได้เห็น และชิมรสมาแล้วในประเทศไทย
ด้วยความที่ถนนคับแคบและฝนตกตลอดทาง ทำให้ลื่นมาก แต่ว่าบรรดาพลขับของเรานั้นฝีมือสุดยอด ถ้าหากว่าให้กระผม/อาตมภาพขับเองก็น่าจะใช้เวลา ๕-๖ ชั่วโมง กว่าที่จะไปถึงเมืองดาร์จีลิงก์ แต่ว่าพลขับนั้นสามารถทำเวลาได้ประทับใจมาก แม้ว่าฝนตกหนัก หมอกหนาจนกระทั่งแทบจะมองทางไม่เห็น และมีรถยนต์สวนลงมาตลอดเวลา เพราะว่าเมืองดาร์จีลิงก์เป็นเมืองท่องเที่ยวขึ้นชื่อเมืองหนึ่งของประเทศอินเดีย และอินเดียก็เพิ่งจะเปิดให้ท่องเที่ยว หลังจากที่ปิดล็อคดาวน์เพราะโควิด ๑๙ มานานเป็นปี ๆ
การเดินทางแม้จะเต็มไปด้วยความหวาดเสียว แต่กระผม/อาตมภาพนั้นเลิกกลัวตายมานานแล้ว โดยที่ตนเองก็ไม่ทราบว่าเลิกกลัวตายตอนไหน คาดว่าจะเป็นตอนที่พิจารณาแล้วเห็นว่า ความตายเป็นปกติของมนุษย์และสัตว์ทุกรูปทุกนาม ในเมื่อปกติธรรมดาของร่างกายเป็นเช่นนี้ เราทำใจยอมรับได้ ก็เลิกกลัวตายไปโดยปริยาย จึงนั่งรถด้วยความสนุกสนานมาก..!
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-06-2022 เมื่อ 05:07
|