คราวนี้ที่ท่านบอกว่า "ถ้าแกถามว่าสร้างอย่างไร ? ข้าก็บอกไม่ถูก" ก็เพราะว่าในแต่ละวัน เมื่อตักข้าวมาจะเสก พระท่านก็มากำกับเองว่าวันนี้ใช้คาถาบทไหน บางทีก็บทเดียวกัน ๗ วันรวด บางทีวันนี้บทหนึ่ง รุ่งขึ้นอีกบทหนึ่ง มะรืนอีกบทหนึ่ง เปลี่ยนไปเรื่อย ท่านถึงได้บอกว่า ไม่สามารถที่จะบอกได้
พวกกระผม/อาตมภาพก็ยังกราบเรียนหลวงพ่อว่า "ไม่ต้องบอกก็ได้ครับ หลวงพ่อสร้างเอาไว้เยอะ ๆ ถึงเวลาสิ้นหลวงพ่อแล้ว พวกผมก็ขุดกรุมาขาย..!" แต่ปรากฏว่าหลังสิ้นหลวงพ่อแล้ว ของขึ้นราคา คนแย่งกันซื้อ แย่งกันบูชา กระผมที่มีอยู่เป็นพัน ๆ องค์ก็ไม่เหลือสักองค์..!
เพราะว่าสมัยนั้นกระผม/อาตมภาพออกกิจนิมนต์ได้เงินมา ก็เก็บเอาไว้ร่วมบุญกับพระเดชพระคุณหลวงพ่อท่าน ใครทำบุญ ๑๐ บาทก็ได้พระองค์หนึ่ง กระผม/อาตมภาพทำบุญแต่ละครั้งก็ได้เป็นร้อยองค์ จนกระทั่งพระพี่พระน้องก็ยังบ่นว่า "จะเก็บไปทำอะไรหนักหนา ของมีตั้งเยอะตั้งแยะ บ้าหรือเปล่า ?"
เจตนาแรกเลยก็คือ ได้ช่วยแบ่งเบาภาระการก่อสร้างให้กับพระเดชพระคุณหลวงพ่อ เจตนาที่สองก็คือ เมื่อได้วัตถุมงคลมาก็เก็บเอาไว้ เผื่อที่จะต้องใช้งานในโอกาสข้างหน้า
กระผม/อาตมภาพอาจจะเป็นคนที่รู้มาก รู้ว่าตัวเองไม่ได้อยู่ในวัดท่าซุงตลอดไป ออกจากวัดเมื่อไร ถ้าไปแบบมือเปล่า ไม่มีข้าวของอะไรติดไปเลย ถ้าต้องไปก่อสร้างที่อื่น ก็คงจะไม่มีปัญญาหาเงิน ตั้งใจว่าถ้ามีวัตถุมงคลครูบาอาจารย์อยู่ ก็จะได้จำหน่าย หาเงินสร้างวัดได้ แต่พอสิ้นหลวงพ่อลงไป วัตถุมงคลขึ้นราคาจากองค์ละ ๑๐ บาทเป็น ๑๐๐ บาท ไอ้พวกที่ว่ากระผม/อาตมภาพบ้าหรือเปล่านั่นแหละ มากวาดไปเรียบเลย ให้องค์ละ ๑๐ บาท น่าตายมาก..!
ทุกวันนี้ลูกศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุงบางคนมีเป็นหมื่นองค์ แล้วเป็นคนที่กระผม/อาตมภาพรู้จักมักคุ้นด้วย ถึงขนาดว่าถ้าออกปากก็ขอแบ่งกันได้ แต่ก็เกรงใจเขา เพราะว่าเขาบูชามาในช่วงองค์ละ ๑,๖๐๐ บาท ลองนึกดูว่าองค์ละ ๑,๖๐๐ บาท แล้วบูชาเป็นหมื่นองค์ คิดเป็นเงินเท่าไร ?
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-06-2022 เมื่อ 02:34
|