แต่ถ้าหากถึงเปรียญเอกเป็นต้นไป คือเปรียญธรรม ๗ ประโยค ๘ ประโยค และ ๙ ประโยคนั้น ไม่ต้องมีคำว่า "น.ธ.เอก" นำหน้า เพราะว่าเป็นการบังคับอยู่แล้วว่าต้องสอบนักธรรมชั้นเอกได้ ถึงจะมีสิทธิ์ในการเข้าสอบเปรียญเอกทั้ง ๓ ระดับนี้
ใครเขียนว่า "น.ธ.เอก, ป.ธ. ๗" "น.ธ.เอก, ป.ธ. ๘" หรือว่า "น.ธ.เอก, ป.ธ. ๙" ก็จะโดนคนอื่นโห่ว่า "เชยมาก" เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า ต่อให้ไม่ระบุ เราก็จะรู้ว่าท่านทั้งหลายเหล่านี้ต้องจบนักธรรมชั้นเอกแล้ว
เพียงแต่ว่าการศึกษาบาลีในบ้านเรานั้น เมื่อจบเปรียญธรรม ๙ ประโยคแล้ว ถ้าหากว่าไม่ไปศึกษาในปริยัติสามัญ ก็คือปริญญาโทหรือปริญญาเอก ก็จะจบลงด้วน ๆ แค่นั้น เนื่องเพราะว่าการจบเปรียญธรรม ๙ ประโยคนั้น ทางกระทรวงศึกษาธิการเทียบวุฒิการศึกษาให้เท่ากับปริญญาตรีเท่านั้น จัดว่าเป็นปริญญาตรีที่ต้องใช้เวลาเรียนมากที่สุดในประเทศไทย
เนื่องเพราะว่าถ้าผู้เรียนสามารถสอบต่อเนื่องกันได้โดยไม่ตกเลยแม้แต่ครั้งเดียว ก็ต้องใช้เวลาในการเรียนอย่างน้อย ๘ ปีเต็ม แต่ในเมื่อทางด้านกระทรวงฯ อนุมัติให้แค่นั้น คนส่วนใหญ่ก็จะมาต่อในส่วนของปริญญาโท ก็คือใช้สิทธิ์ปริญญาตรีจากเปรียญธรรม ๙ ประโยค มาเรียนในระดับปริญญาโทเลย
ในสมัยที่กระผม/อาตมภาพเรียนในระดับปริญญาโทอยู่ มีเพื่อนร่วมรุ่นบางรายที่ใช้วุฒิการศึกษาปริญญาตรีจากเปรียญธรรม ๙ ประโยคมาเรียนต่อ เป็นอะไรที่ดูแล้วน่าสงสารมาก เพราะว่าท่านไม่มีความรู้พื้นฐานในระดับมัธยม หรือว่าในระดับปริญญาตรีเลย โดยเฉพาะวิชาพื้นฐานต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นคณิตศาสตร์ สังคมศาสตร์ เป็นต้น ก็เลยทำให้ท่านทั้งหลายเหล่านี้ ต้องเรียนกันด้วยความยากลำยากมาก ต้องพยายามทำความเข้าใจหนักกว่ากระผม/อาตมภาพหลายเท่า ตรงจุดนี้กระผม/อาตมภาพถึงได้ต้องมีการช่วยสรุปเนื้อหาการเรียน เพื่อที่จะให้เพื่อนเอาไปท่องจำ หรือว่าเอาไปศึกษา จะได้ช่วยให้สอบได้ง่ายขึ้น
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-04-2022 เมื่อ 02:43
|