สำหรับเรื่องการอดมื้อเย็นนั้น (ถือศีลแปด) พระอาจารย์ได้สอนพี่หยกว่า "สังเกตไหม เราว่าไม่ ๆ แต่ก็แพ้ใจตัวเองทุกที นั่นเกิดจากว่ากำลังใจเราไม่เข้มแข็งพอ ระบบเมตาบอลิซึ่มของร่างกาย พอถึงเวลามันจะทวง ถ้าเราไม่ให้สักสามสี่ครั้งมันจะปรับระบบใหม่ แต่ช่วงที่มันทวง อาการเราจะแย่ เหมือนจะตาย ปวดหัวปวดท้อง ครั่นเนื้อครั่นตัวไปหมด ท้ายสุดทนไม่ได้ก็ต้องไปกิน ก็เลยเหมือนกับพวกเสพยาเสพติด แต่ถ้าเราฝืนไปสักสามสี่ครั้ง มันรู้ว่ามันไม่ได้ รู้ว่าตอนช่วงนี้ไม่มีให้กิน เดี๋ยวมันก็เลิกทวง ลองกัดฟันทำดูซิ ถ้าทำได้สำเร็จจะเหมือนเจ๊อ๋า"
พระอาจารย์เล่าให้ฟังต่อว่า "ที่ทองผาภูมิมีโยมอยู่คนหนึ่ง หุ่นเหมือนหยก(อ้วน) เขามาใส่บาตรก็จริง แต่ว่าเขาไม่ได้ใส่บาตรเพื่อเอาบุญเหมือนคนอื่น เขามีแนวความคิดแปลก ๆ เขาบอกว่าเขาใส่บาตรไม่ได้ต้องการบุญ แต่เขาเป็นคนชอบทำกับข้าว ในเมื่อเขาชอบทำกับข้าว ถึงเวลาจะให้คนอื่นเขาชิม แล้วถ้าเกิดเขาไม่หิวเล่า ? เขาก็เลยมาใส่บาตร เพราะเขามั่นใจว่าพระต้องการอาหารของเขาแน่ จึงได้เดินมาถึงหน้าบ้าน จัดเป็นแนวความคิดที่แปลก รู้สึกว่าจะเป็นอุเบกขาในทานแบบฟลุก ๆ เลย"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 30-06-2016 เมื่อ 12:36
|