ครูบาธรรมชัยเดินจงกรมในลักษณะกิริยาสำรวมระวังเป็นปกติ ผิวพรรณวรรณะผ่องใสไม่หมองคล้ำ ท่าทางยังคึกคักกระฉับกระเฉง ไร้วี่แววว่าจะอ่อนเพลียเจียนเป็นเจียนตายเพราะอดข้าวอดน้ำแต่อย่างใดทั้งสิ้น
นับเป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่ชาวบ้านไม่ได้เห็นกับตาตนเองจะไม่ยอมเชื่อเป็นอันขาด ว่าพระภิกษุสามารถมีชีวิตอยู่ได้ถึง ๑๕ วัน ไม่ต้องฉันข้าวดื่มน้ำ เหมือนร่างกายทำด้วยเหล็กไหลกระนั้น
ทุกคนก้มลงกราบนมัสการด้วยความเลื่อมใสศรัทธา พร้อมกันนั้นก็โล่งอกไปตาม ๆ กัน เมื่อเห็นท่านยังอยู่ดีเป็นปกติสุข ท่ามกลางความปีติยินดีเป็นล้นพ้นของพวกชาวบ้าน ครูบาธรรมชัยกล่าวกับพวกเขาเหล่านั้นว่า
"เฮาพ้นคอกแล้ว เขาขังเฮาอยู่ในป่าช้า ๑๕ วัน เพราะชาติก่อนเฮาเคยทำเขามา จึงต้องชดใช้หนี้กรรมให้เขาในชาตินี้"
ชาวบ้านพากันนำอาหารใส่ถ้วยจานเข้ามาถวายครูบาธรรมชัย ท่านฉันได้เพียงเล็กน้อย เพราะร่างกายที่อดอาหารมาถึง ๑๕ วัน ยังไม่คุ้นชินกับการดื่มกิน
หลังจากท่านถอนกลดจาริกธุดงค์อำลาไป ป่าช้า "สันปูเลย" ที่เคยอึกทึกครึกโครมตอนมีช้างเข้ามาอาละวาดก็ย้อนกลับเข้าสู่สภาพเดิม คือเริ่มมีวัชพืชกับต้นหญ้าขึ้นรกชัฏ ชาวบ้านคร้ามเกรงไม่กล้าเดินผ่านในเวลากลางวัน ยิ่งเวลากลางคืนแทบไม่ต้องเอ่ยถึง คือไม่มีผู้ใดย่างกรายเฉียดใกล้ป่าช้าเด็ดขาด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ชินเชาวน์ : 13-02-2010 เมื่อ 20:51
|