ถ้าหากว่าเราไม่ไปยึดเกาะมากจนเกินไป สักแต่ว่าอยู่อาศัยเพื่อสร้างสมคุณงามความดี เมื่อเราทำความดีถึงที่สุดก็จะหลุดพ้นไปได้แล้ว ความคิดของเราก็จะอยู่กับปัจจุบันเฉพาะหน้า ไม่ไปคิดฟุ้งซ่านที่จะหาครอบครัว หาชื่อเสียงเกียรติยศ หาความร่ำรวยใส่ตัว มีแต่ทำไปตามหน้าที่
ตรงจุดนี้ ในหลวงรัชกาลที่ ๙ สรุปไว้เป็นหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ก็คือ สันโดษ คำว่าสันโดษ ไม่ได้แปลว่ายากจน คำว่า สันโดษ บาลีกล่าวแยกเอาไว้ว่า หนึ่ง...ยถาลาภสันโดษ ยินดีพอใจตามที่ได้มา ได้อะไรก็พอใจแค่นั้น สอง...ยถาพลสันโดษ ยินดีตามกำลังที่ตนหาได้ ถ้าท่านมีเงินลงทุนเป็นร้อยล้านพันล้าน ท่านสามารถหาได้เป็นร้อยล้านพันล้าน ก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ เพราะฉะนั้น...ในหลวงรัชกาลที่ ๙ จึงสรุปไว้ชัดเจนว่า สันโดษไม่ได้แปลว่ายากจน
ข้อสุดท้าย ยถาสารุปปสันโดษ ยินดีตามฐานะของตน ถ้าหากว่าท่านมีเป็นพันล้านหมื่นล้าน จะขี่รถหรูคันหนึ่งสี่ห้าสิบล้านก็เป็นเรื่องปกติ แต่ถ้าหากว่าเรายังเป็นมนุษย์เงินเดือนอยู่ จะนั่งรถเมล์ นั่งรถไฟฟ้า นั่งแท็กซี่ ก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติของเรา ทุกอย่างให้เป็นไปตามอัตภาพ
ให้เราเข้าใจว่า ความเป็นมนุษย์ของเรามีต้นทุนที่เสมอกันคือศีล ๕ แต่ว่าในเรื่องของฐานะ ในเรื่องของปัญญา เรามีไม่เท่ากัน เพราะว่าในเรื่องของฐานะ เกิดจากเรื่องของทานบารมี เรื่องของการปัญญา เกิดจากการภาวนารักษาใจ แต่ว่าเรื่องทั้งหลายเหล่านี้นั้น จะเป็นผลบุญในอดีตที่ส่งผลถึงปัจจุบัน แปลว่าอดีตถ้าเคยให้ทานไว้ ปัจจุบันก็เป็นผู้ที่มากด้วยโภคสมบัติ ในอดีตถ้าหากว่าเคยบำเพ็ญภาวนา เคยให้สิ่งที่เป็นธรรมทาน ปัจจุบันก็จะเป็นผู้ที่มีปัญญามาก
แต่ว่าท่านทั้งหลายต้องเข้าใจว่า คำว่าอดีตนั้น คือเวลาที่ผ่านพ้นไปแล้ว จากวินาทีนี้ ถ้าผ่านไป เมื่อถึงวินาทีหน้า วินาทีนี้ก็เป็นอดีต ดังนั้น...ถ้าท่านสามารถทำดีในปัจจุบันให้ต่อเนื่องยาวนานเพียงพอ ในส่วนของความดีที่เราทำในชาตินี้ สามารถที่จะทำให้ท่านทั้งหลายได้รับผลในชาติปัจจุบัน แต่อาจจะอีกหลายปีข้างหน้า เพราะว่าต้องรอสั่งสมจนกว่าที่จะเพียงพอ
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-03-2022 เมื่อ 03:50
|