โบราณของเราก็มีตัวอย่างที่สืบ ๆ กันมา เรื่องไม้คานปิดทอง เป็นต้น เกิดจากคนจีนที่มีแค่เสื่อผืนหมอนใบ เข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารในประเทศสยาม ปัจจุบันคือประเทศไทย ทำมาหากินด้วยหาบ ไม่ว่าจะใช้ในการหาบคอนสิ่งหนึ่งประการใดก็ตาม เมื่อมีฐานะมั่นคงร่ำรวยแล้ว ก็นำไม้คานนั้นขึ้นหิ้งปิดทอง เป็นที่ระลึกว่าตนเองร่ำรวยมาได้ก็ด้วยไม้คานอันนี้ แล้วก็เลยเถิดมาถึงการปิดทองเรือ ที่ช่วยทำมาค้าขาย เนื่องจากว่าสมัยก่อนนั้นบ้านเราเมืองเรา ส่วนใหญ่แล้วเดินทางทางน้ำกันแทบทั้งนั้น
ตัวอย่างที่ชัดที่สุดก็หลวงปู่เพิ่ม วัดอุทยาน อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี นั่นเป็นต้นตำรับเรือทองเศรษฐี ก็คือเมื่อถึงเวลาญาติโยมที่ทำมาหากินโดยการค้าขายทางเรือ มาขอความช่วยเหลือ หลวงปู่เพิ่มท่านก็จะลงเมตตามหานิยม ปิดทองหัวเรือไปให้ เมื่อถึงเวลาญาติโยมทำมาหากินสะดวก มีฐานะมั่นคง ก็กลับมาปิดทองเรือที่หลวงปู่เพิ่มท่านพายบิณฑบาต ปิดไปปิดมาคนละไม่กี่แผ่น เรือไม้ทั้งลำก็กลายเป็นเรือปิดทองเหลืองอร่าม จนคนเขาเรียกกันว่า "เรือทองเศรษฐี"
แล้วมาภายหลัง ท่านเจ้าคุณโสภณพัฒนคุณ หรือท่านเจ้าคุณทินน์ที่กระผม/อาตมภาพเรียกเพราะสนิทสนมกัน ท่านเองไปได้ไม้ตะเคียนสำคัญมา ได้ทำเป็นรูปเรือลำไม่ใหญ่นัก แล้วขอให้แม่ตะเคียนช่วยสงเคราะห์ในเรื่องของการค้าขาย ปรากฏว่าโด่งดังมาก เพราะว่าคนเอาไปใช้แล้วมีประสบการณ์ พอถึงเวลาเขาก็ปิดทองถวายเหมือนกัน ของท่านเขาก็เลยเรียกว่าเศรษฐีเรือทอง แต่ต้นตำรับแบบหลวงปู่เพิ่มนั้นคือเรือทองเศรษฐี
คราวนี้การกตัญญูต่อสถานที่ อย่างเช่นว่าเราอยู่วัดวาอาราม ช่วยกันทำความสะอาด ช่วยกันอยู่เวรอยู่ยามป้องกันภัย ก็ถือว่าสืบทอดปฏิปทาที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามีความกตัญญูต่อสัตตมหาสถาน
ตรงจุดนี้พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ท่านบอกว่า บุคคลที่กตัญญูรู้คุณคนจะตกต่ำยาก ท่านให้สังเกตคนจีนว่า ต่อให้เสื่อผืนหมอนใบมา ไม่นานก็เจริญรุ่งเรือง แล้วคนจีนรุ่นแรก ๆ พอเป็นนายห้างเป็นเจ้าสัวกัน ก็สอนลูกสอนหลานสืบ ๆ กันมา ท่านบอกว่าเหตุที่คนจีนเจริญรุ่งเรือง เพราะมีความกตัญญูเป็นปกติ
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-02-2022 เมื่อ 02:19
|