สมัยที่อยู่ชายแดน กระผม/อาตมภาพต้องทะเลาะกับทางองค์การทหารผ่านศึก ถึงขนาดไปลุยกับผู้บัญชาการองค์การทหารผ่านศึกซึ่งมียศพลตรี เนื่องเพราะว่ามีทหารตายในหน้าที่ ทันทีที่มีการตายจากการรบเกิดขึ้น ในอันดับแรกทหารทุกนายในกองพล จะโดนหักเบี้ยเลี้ยงคนละ ๒ บาทเพื่อช่วยงานศพ อย่าไปคิดว่าน้อย
ทหารทั้งกองพล หนึ่งกองร้อย อัตราของกองพลที่ ๙ จังหวัดกาญจนบุรีตอนนั้นอยู่ที่ ๑๔๒ คน ห้ากองร้อยเป็นหนึ่งกองพัน สามกองพันเป็นหนึ่งกรม สองกรมทหารราบ หนึ่งกองพันทหารม้า หนึ่งกองพันเสนารักษ์ หนึ่งตอนยานยนต์ และหนึ่งกองร้อยบินเบา รวมเป็นหนึ่งกองพล ซึ่งเป็นอัตราบรรจุสมัยนั้น สมัยนี้น่าจะมากขึ้นอีก เพราะว่าสมัยนี้ได้ยินว่ามีกรมทหารม้า มีกรมทหารพรานรวมเข้าไปด้วย
หลังจากที่รายงานขึ้นไปภายใน ๓ วัน จะมีเงินช่วยเหลือจากมูลนิธิสายใจไทยของกรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ส่งตรงมาถึงเลย เจ้าหน้าที่จะนำไปมอบให้กับญาติของผู้ตายเลย แต่องค์การทหารผ่านศึกซึ่งเป็นองค์กรที่รับหน้าที่รับผิดชอบโดยตรง ตามเรื่องเป็นปีก็ยังไม่จ่าย..!
กระผม/อาตมภาพเป็นคนที่กลัวใครไม่เป็น แค่เข้าไปเป็นนักเรียนนายสิบก็กล้างัดข้อกับผู้บัญชาการโรงเรียนที่มียศพลตรีแล้ว จนผู้บังคับบัญชาระดับล่างตกใจไปตาม ๆ กัน ถึงขนาดย่องมาถามว่า "มึงไม่กลัวเจ้านายเลยหรือ ?" ก็ตอบกลับไปว่า "ตัวเล็กกว่าผมตั้งเยอะ ต่อยหมัดเดียวก็ร่วง..! ทำไมกูต้องกลัวมันด้วย ?" ก็คือไม่ได้ดูว่าใครยศใหญ่กว่า แต่ดูแค่ว่าตัวใหญ่กว่าไหม ?
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-12-2021 เมื่อ 03:20
|