การที่ท่านทั้งหลายจะประพฤติปฏิบัติธรรมนั้น ในส่วนแรกเลยท่านทั้งหลายจะต้องยึดในส่วนของสมถกรรมฐานเป็นที่ตั้งก่อน ถ้าหากว่าเป็นการภาวนา ก็คือการดูลมหายใจเข้าออก หรือว่าการดูพองยุบในเบื้องต้น เมื่อเรายึดเอาสมถกรรมฐานนี้เป็นที่ตั้ง จิตใจก็จะค่อย ๆ สงบระงับ จนกระทั่งแนบแน่นเป็นอัปปนาสมาธิ ก็จะทำให้ รัก โลภ โกรธ หลง โดนระงับลงชั่วคราว
สิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้น เมื่อ รัก โลภ โกรธ หลง โดนระงับลงชั่วคราว ภาษาบาลีเรียกว่า ปีติ คำว่าปีติ ในความรู้สึกของเรา ก็คือการที่เรายินดีกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งอย่างมาก ในบาลีกล่าวถึงปีติไว้ ๕ อย่างด้วยกันก็คือ
๑) ขณิกาปีติ มีอาการขนลุกเกรียว ๆ เป็นระยะ
๒) ขุททกาปีติ มีอาการน้ำตาไหล บางคนก็ร้องไห้เสียงดังเลยก็มี
๓) โอกกันติกาปีติ มีร่างกายโยกโคลงไปมา บางท่านก็เต้นตึงตังโครมครามไปเลย
๔) อุพเพ็งคาปีติ บางทีก็ลอยขึ้นทั้งตัว ลอยไปไกล ๆ ก็มี
๕) ผรณาปีติ รู้สึกซาบซ่านตัวพองตัวใหญ่ บางทีรู้สึกว่าตัวแตกระเบิดเป็นจุณไปเลยก็มี บางท่านก็รู้สึกว่าตัวรั่วเป็นรู มีสิ่งหนึ่งประการใดไหลซู่ซ่าออกจากร่างกายของเรามา
อาการทั้งหลายเหล่านี้ถ้าเกิดขึ้น ให้ท่านทั้งหลายทราบว่า เป็นเบื้องต้นของการที่เราจะละจากอุปจารสมาธิ เริ่มเข้าสู่อัปปนาสมาธิระดับแรก ก็คือเข้าสู่ในสิ่งที่บาลีเรียกว่า ปฐมฌาน
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-10-2021 เมื่อ 01:56
|