ดูแบบคำตอบเดียว
  #4  
เก่า 01-10-2021, 20:59
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,720
ได้ให้อนุโมทนา: 152,086
ได้รับอนุโมทนา 4,419,032 ครั้ง ใน 34,310 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

คราวนี้ท่านทั้งหลายที่เข้ามาปฏิบัติธรรมนั้น องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงมุ่งหวังสูงสุด คือการหลุดพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพาน แม้ว่าท่านทั้งหลายจะคิดว่าตนเองมีบารมีไม่พอที่จะเป็นเช่นนั้น ก็ขอให้ทราบว่า การที่ท่านทั้งหลายมีโอกาสมาถือศีล ปฏิบัติธรรม แปลว่าบารมีของท่านทั้งหลายเพียงพอแล้วในการที่จะบรรลุมรรคผล เพียงแต่ว่าท่านทั้งหลายจะสละสิทธิ์นั้นหรือไม่เท่านั้นเอง

ในเมื่อท่านทั้งหลายมีโอกาสเข้ามา และมีปุพเพกตปุญญตา คือบุญเก่าที่สร้างมาจนเป็นบารมี ทำให้ได้ประสบพบกับหลักธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้พบกับครูบาอาจารย์ ที่มาแนะนำให้เราท่านทั้งหลายได้ประพฤติปฏิบัติธรรม ก็แปลว่าท่านทั้งหลายนั้น ถ้าเปรียบเป็นดอกไม้ ก็เป็นดอกไม้ที่พร้อมจะเบ่งบานได้ทันที เพียงแต่ว่าท่านทั้งหลายต้องทำให้ดี ทำให้ถูก

ในเรื่องของการปฏิบัติกรรมฐานนั้น เรามักจะเรียกว่า วิปัสสนากรรมฐาน แต่ความจริงแล้วกรรมฐานที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสเอาไว้ มีทั้งสมถกรรมฐาน คืออุบายที่ทำให้ใจของเราสงบระงับ ปราศจาก รัก โลภ โกรธ หลง ชั่วคราว และวิปัสสนากรรมฐาน เป็นอุบายที่ทำให้เกิดปัญญา รู้แจ้งเห็นจริงต่อสิ่งต่าง ๆ ในโลกนี้ จนกระทั่งเกิดความเบื่อหน่าย คลายกำหนัด ถอนจิตของตนออกมาจากการยึดเกาะ จนทำให้สามารถหลุดพ้นจากกองทุกข์ เข้าสู่พระนิพพานได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-10-2021 เมื่อ 02:57
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา