แล้วคราวนี้เกี่ยวอะไรกับเรื่องการวางขนมปังล้างอาถรรพ์ ? ก็เพราะว่าแม้แต่พรหม เทวดา ท่านก็ต้องยอมรับกฎของกรรม ในเมื่อวาระของอกุศลกรรมยังให้ผลอยู่ กุศลกรรมเข้ามาถึงไม่ได้ ก็ไม่สามารถที่จะช่วยเหลืออะไรได้มากมายนัก แต่เมื่ออกุศลกรรมผ่านพ้นไป กุศลกรรมเริ่มเข้ามาในส่วนของเรา ขณะเดียวกันกุศลกรรมของอีกฝ่ายผ่านพ้นไป อกุศลกรรมเริ่มเข้ามา จังหวะที่ตรงกันพอดี ก็สามารถที่จะแก้ไขบางเรื่องได้ แต่ว่าทุกอย่างต้องมีบุญสัมพันธ์ กรรมสัมพันธ์ จึงสามารถที่จะทำได้ ไม่เช่นนั้นแล้วก็เท่ากับไปละเมิดกฎของกรรม
ดังนั้น...เทวดาท่านจึงมาบอกกับหลวงพ่อว่า ให้ใครสักคนหนึ่งก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นหลวงพ่อท่าน นำขนมปัง ๑ ปอนด์ไปวางไว้ที่หน้าโบสถ์วัดท่าซุง อธิษฐานว่า "ขอให้วิชาและอาถรรพ์จงพินาศ" แล้วท่านเองก็จะได้ฉวยโอกาสนี้ว่า มีคนเปิดช่องให้ท่านสามารถทำงานได้แล้ว ก็จะไปทำลายล้างสิ่งทั้งหลายเหล่านั้น ซึ่งก็คือพวกไสยศาสตร์ต่าง ๆ ที่ทำใส่วัดท่าซุงมาตลอด ๑๓ ปี ไม่ใช่ว่าเราไปวางขนมปังที่นั่น แล้วเรื่องร้าย ๆ ที่เกิดขึ้นกับเราจะหายไป เพราะว่าเป็นคนละเรื่องกัน
แต่ส่วนใหญ่พวกเรามักจะ "ฟังไม่ได้ศัพท์ จับไปกระเดียด" แล้วแถมยังตื่นข่าวอีก ก็เลยมีภูเขาขนมปังกองอยู่ท่วมหน้าโบสถ์วัดท่าซุง..! ชนิดที่เลี้ยงพระ เลี้ยงคน เลี้ยงหมา เลี้ยงปลา จนไม่มีปัญญาจะกินแล้วก็ยังไม่หมด และมีต่อเนื่องไปเป็นเดือน ๆ ต้องบอกว่าสิ้นเปลืองทรัพยากรโดยใช่เหตุ นั่นเกิดจากการ "ฟังไม่ได้ศัพท์ แล้วจับเอาไปกระเดียด" คิดว่าถ้าทำอย่างนั้นแล้ว พวกไสยศาสตร์และอาถรรพ์ที่เกิดขึ้นกับตัวเองจะหายไปได้ ซึ่งเป็นคนละเรื่องกับที่เทวดาท่านบอกมา
เรื่องพวกนี้คนจำนวนมากด้วยกันมักจะเป็น หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านใช้คำว่า "ถือมงคลตื่นข่าว" ซึ่งเป็นสิ่งที่พระพุทธเจ้าไม่สรรเสริญ พระองค์ท่านตรัสไว้ชัดเจนแล้ว มา อิติกิรายะ อย่าเชื่อเพราะมงคลตื่นข่าว
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-08-2021 เมื่อ 01:59
|