คราวนี้การที่พวกเราทั้งหลายเป็นนักปฏิบัติธรรม เมื่อถึงเวลาแล้ว เราใช้ความเพียรพยายามในการปฏิบัติ จดจ่อต่อเนื่องอยู่ทุกลมหายใจเข้าออกหรือเปล่า ? ส่วนใหญ่ที่พบก็คือ พอเลิกแล้วก็ทิ้งเลย ประการต่อไปก็คือ คอยสำรวจตรวจตราตัวเองอยู่หรือเปล่า ว่าใจของเราที่สงบอยู่ไปฟุ้งซ่านตอนไหน ? แล้วได้ลองพยายามแก้ไขหรือเปล่า ว่าจะไม่ให้ใจของเราฟุ้งซ่านแบบนั้นอีก ?
เรื่องพวกนี้ เราต้องใช้วิมังสา ในหลักของอิทธิบาท ๔ ก็คือ ฉันทะ เรามีกำลังใจที่จะกระทำเรื่องนี้แล้ว ทุกคนมีเหมือนกันหมด คราวนี้ก็ขาดอยู่ที่วิริยะ คือความเพียรที่ไม่เท่ากัน ใครที่พากเพียรมาก ไม่ท้อถอย โอกาสสำเร็จก็จะมีมากกว่าคนอื่น
จิตตะ กำลังใจของเราปักมั่นต่อสิ่งที่เราทำหรือเปล่า ? หรือว่ากำลังพิจารณาดี ๆ พอมีเรื่องอื่น ก็โดนดึงให้เป๋ไปอีกแล้ว กิเลสนั้นมีมายามาก พอเห็นว่าจะแพ้เราเมื่อไร เขาก็จะหลอกให้เราหลงไปทางอื่น เหมือนกับเราเดินไปถึงประตู แค่เปิดประตู เราก็จะเดินพ้นจากสถานที่นี้ออกไปแล้ว แต่เราจะโดนหลอกให้เดินหลบประตูไปด้านอื่นทุกที
ถ้าสมมติว่าสถานที่นั้นเป็นสี่เหลี่ยมหรือวงกลม แล้วมีประตูบานเดียว ถ้าเราเดินเลาะข้างออกไปเมื่อไร กว่าที่จะมาเจอประตูอีก แปลว่าต้องเดินอย่างน้อยครบ ๑ รอบ ซึ่งแต่ละรอบของเรานั้น มากน้อยช้าเร็วไม่เท่ากัน
บางท่านสร้างบุญสร้างบารมีไว้ดี รอบก็เล็ก กลับมาถึงเร็ว มีโอกาสแก้ตัวเร็ว บางท่านสร้างบุญสร้างบารมีไว้น้อย มีปัญญาน้อย รอบก็ใหญ่ มาถึงช้า กว่าที่กำลังใจของเราจะวนกลับมาให้ดี ให้เหมาะ ให้ควรแก่การตัดกิเลสในลักษณะอย่างนั้น ก็ต้องรอรอบใหม่ เสียเวลาไปรอบแล้วรอบเล่า เพราะเราขาดตัววิมังสาในการไตร่ตรองทบทวนตัวเอง ในการดูว่าเราผิดพลาดตรงไหน ในการเพียรพยายามแก้ไขตรงนั้นเสียใหม่ ซึ่งกระผม/อาตมภาพเคยใช้คำว่า "ยังไม่เข็ด" ถ้าคนเรารู้จักเข็ด ก็ต้องตั้งท่าระวัง ไม่ให้พลาดอย่างนั้นอีก
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 17-08-2021 เมื่อ 21:12
|