ผีกองกอย
".. แปลก ๆ อันหนึ่งก็คือ ท่านอาจารย์ฝั้น ท่านไปพักอยู่ที่ทางภาคอีสาน เขาเรียกว่าผีกองกอย มันร้องกลางคืน เขาว่าถ้าผีชนิดนี้มาเยี่ยมบ่อย ๆ คนมักตายบ่อย ๆ มันกินคนอย่างลึกลับ เขาเรียกผีกองกอย ท่านก็ไปพักอยู่ที่นั่น คนที่มาพักเขาก็บอกว่า ที่แถวนี้มีผีกองกอย เขาเล่าให้ท่านฟัง
ตอนนั้นดูว่าท่านมีพระไปด้วย.. เป็นสององค์กับท่าน แล้วก็มีตาปะขาวคนหนึ่งรวมเป็นสามไปพักอยู่นั้น พอสามทุ่มล่วงไปแล้ว คืออยู่ในป่ามันเหมือนดึกนะ เขาบอกว่า "แถวนี้มีผีกองกอย ถ้าผีกองกอยเที่ยวไปแถวไหนแล้วคนมักจะเป็นไข้..ป่วย..แล้วตาย ผีพวกนี้มันกินตับคน"
เขาเล่ากันไปอย่างนั้นแหละ ท่านก็ฟังไป จึงได้เห็นผีนี้ชัดเจน นั่น..เห็นไหมล่ะ
พอมันร้อง ตาปะขาวอยู่ที่นั่น ตรงนั้นละ สามทุ่มกว่า ๆ ท่านกำลังนั่งภาวนาอยู่ เสียง "กองกอย ๆ" มา ได้ยินชัดเจน เงียบ ๆ กลางคืน ที่เขาว่าเสียง "กองกอย ๆ" มันเสียงอย่างนั้นจริง ๆ เขาเรียกผีกองกอย พอมาถึงตาปะขาว ท่านก็วิตกถึงตาปะขาว กลัวมันจะมาทำอะไรตาปะขาว เพราะมันเป็นสัตว์ลึกลับ มองด้วยตาไม่เห็น
พอมันมาได้จังหวะแล้ว ท่านก็กำหนดจิตดู ท่านพูดเองนะ โอ๋ย.. มันตัวเหมือนลิงท่านว่า "มันเหมือนลิง" พอจิตท่านส่งไป โอ๋ย.. มันกลัวมากที่สุดเลย พอตามันรับกับใจของท่าน เหมือนว่าตามันรับกับตาเราว่างั้นเถอะ แต่ตาเราเป็นตาใจ พอมองเห็นปั๊บวิ่งปรู๊ดเลย กลัวมากที่สุด กลัวอย่างมากทีเดียว เราเห็นมัน..จ้องดูอยู่นี่ พอมันแพล็บเข้ามามองเห็นเรานี้.. ปรู๊ดวิ่งเลย ตั้งแต่วันนั้นเงียบเลย
"โอ๋.. ได้เห็นแล้ว มันเหมือนลิง สัตว์ตัวนี้เหมือนลิง คือมันไม่ได้เป็นรูปวัตถุนะ รูปเป็นนามธรรมแต่เหมือนลิง"
ท่านอาจารย์ฝั้นท่านเล่าให้ฟัง ท่านรู้สึกพิสดารเกี่ยวกับพวกเปรต พวกผี พวกเทวบุตรเทวดา ท่านอาจารย์ฝั้นเด่นอยู่องค์หนึ่ง นั่นละ..เด่นไปคนละทาง ๆ บรรดาพระเจ้าพระสงฆ์ที่เป็นนักภาวนาด้วยกัน มีนิสัยวาสนาเด่นทางไหน ก็เป็นไปในทางนั้น ๆ จะเป็นขึ้นมาเองรู้เอง
ครูบาอาจารย์ที่เป็นนักภาวนา ท่านรู้ของท่านธรรมดา ๆ แต่เรื่องของโลกมันกีดมันขวาง ท่านจึงไม่นำออกมาใช้ ไม่พูด พูดก็มีแต่การแนะนำสั่งสอนไปธรรมดาที่อยู่ในฐานะซึ่งควรจะสอนได้ แต่เรื่องภายในแล้วท่านไม่พูด.. เฉย นอกจากพวกเดียวกัน ถ้าพวกเดียวกันท่านพูดเสมอ ไปอยู่ที่นั่นมีอย่างนั้น ๆ เช่นอย่างในถ้ำ มีผี มีเทวดารักษา ท่านรู้ แต่ท่านพูดในวงของท่านเอง.. พวกนักภาวนากรรมฐานด้วยกัน คือใจนี้เป็นนักรู้ เมื่อเปิดออก ๆ นิสัยวาสนาของใครจะเด่นในทางไหน ๆ มันจะรู้ของมัน เห็นของมันไปตามนั้น จะไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับนิสัยวาสนา ไปคนละทิศละทาง..."
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 09-06-2023 เมื่อ 00:51
|