การที่เราเที่ยวบิณฑบาต ภาษาโบราณเรียกว่าโปรดสัตว์ ก็คือไปอนุเคราะห์สงเคราะห์แก่ญาติโยมที่ทำบุญ อันดับแรก...จะได้มีแหล่งเนื้อนาบุญของตน อันดับที่สอง...ต้องการสร้างปัญญาให้ตัวเรา คือมีสติสำนึกอยู่เสมอว่า เราอยู่ได้ด้วยการอนุเคราะห์สงเคราะห์ของญาติโยม เลือดเนื้อร่างกายทุกส่วนของเรา ไม่ใช่ของพ่อแม่ให้แล้ว ทันทีที่บวชเข้ามา กลายเป็นญาติโยมให้เรา เพราะว่าเขาเลี้ยงเราแทนพ่อแม่แล้ว หน้าที่ของเราก็คือต้องปฏิบัติตามที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสสอนมาให้ดีที่สุดเท่าที่จะพึงดีได้ ด้วยความอดทน อดกลั้น ในการขัดเกลากิเลสของตนเอง เพื่อให้เป็นผู้มักน้อย ผู้สันโดษ
ดังนั้น...ในส่วนนี้จะเห็นได้ชัดว่าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเราแฝงหลักธรรม และวัตถุประสงค์เอาไว้มากมาย ในการที่ให้พระของเราเป็นขอทาน บุคคลที่บวชเข้ามาในพระพุทธศาสนา ก่อนบวชมามีจำนวนมากที่เป็นพระมหากษัตริย์ เป็นมหาเศรษฐี เป็นพราหมณ์มหาศาล
คำว่า พราหมณ์มหาศาล คือนอกจากร่ำรวยด้วยความรู้แล้ว ยังร่ำรวยด้วยทรัพย์สินเงินทอง แต่สละสิ่งทั้งหลายเหล่านั้น ซึ่งมีประโยชน์แค่ทางโลก เข้ามาบวชปฏิบัติธรรม เพื่อให้ได้ประโยชน์ทางธรรม ซึ่งสามารถพาเราให้พ้นทุกข์ได้ ไม่ใช่คนจนมาบวชเพื่ออาศัยกิน ไม่ใช่บวชตามที่เราพูดกันเล่น ๆ ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ความชัดเจนตรงนี้ พระของเราจะมีมากที่สุด จึงต้องออกมาอธิบายให้ญาติโยมได้เข้าใจวัตถุประสงค์ตรงนี้ ไม่อย่างนั้นแล้วโยมที่ออกคลิปมาก็พูดได้ไม่ครบถ้วน
โดยเฉพาะตัวอาตมาเอง มาบวชในขณะที่ชีวิตกำลังรุ่งที่สุด ทั้งตำแหน่งหน้าที่ ทั้งเงินเดือน แต่ตัดสินใจมาบวช เพราะหวังการพ้นทุกข์ และที่แน่ ๆ ก็คืออาตมาหุงข้าวเป็น..อร่อยด้วย..! เพราะว่าหุงข้าวมาตั้งแต่ชั้นประถมปีที่ ๒ ทำกับข้าวมาตั้งแต่ชั้นประถมปีที่ ๒ ซักผ้ารีดผ้าตั้งแต่ชั้นประถมปีที่ ๒ หุงข้าวเป็นทั้งเตาแกลบ เตาถ่าน เตาฟืน เตาแก๊ส หม้อไฟฟ้า ขาดอยู่อย่างเดียวก็คือไมโครเวฟ เพราะว่าบวชไปก่อนนานแล้วถึงจะมีเตาแบบนี้..!
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-06-2021 เมื่อ 02:20
|