เรื่องของวัตถุมงคลนั้น มีนักวิชาการ ตลอดจนกระทั่งเพื่อนพระสังฆาธิการหลายรูปตำหนิว่า สร้างขึ้นมาแล้วทำให้คนยึดติด อาตมาเองก็อยากจะบอกว่า ท่านทั้งหลายเหล่านั้นเข้าใจผิด เพราะว่าถ้าหากว่าท่านไม่ยึด ท่านก็ไม่มีอะไรจะให้ปล่อย เหมือนอย่างกับเด็กหัดเดิน ก็ต้องยึดต้องเกาะสิ่งของต่าง ๆ เพื่อความมั่นคงก่อน เมื่อเดินคล่องตัวแล้ว ก็จะทิ้งสิ่งที่ตนเองเกาะไปเองโดยอัตโนมัติ หลักธรรมประการเดียวบางทีก็หนักเกินไป จนญาติโยมทั้งหลายเข้าไม่ถึง
โบราณาจารย์เมื่อสร้างเครื่องรางของขลังขึ้นมา มอบให้ลูกศิษย์ไปใช้ เพื่อให้เราระลึกถึง พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ครูบาอาจารย์ โดยเฉพาะมีการภาวนาคาถากำกับ เท่ากับเราระลึกใน พุทธานุสติ ธัมมานุสติ สังฆานุสติ และมีการภาวนาเป็นปกติ เท่ากับว่าพวกเราปฏิบัติกรรมฐานใหญ่ไปโดยไม่รู้ตัว
แต่บรรดานักวิชาการส่วนใหญ่แล้ว ปัญญาไม่ถึงคนโบราณ แล้วยังดูถูกว่าคนโบราณโง่อีกต่างหาก..! จึงมุ่งที่จะไขว่คว้าแต่หลักธรรมบริสุทธิ์ ซึ่งอาตมาเคยเปรียบว่า เหมือนอย่างกับเด็กเพิ่งจะเรียน ก.ไก่ ข.ไข่ แต่ท่านทั้งหลายพยามยามยัดเยียดว่า ปริญญาเอกดีที่สุด ไปเรียนปริญญาเอกดีกว่า ซึ่งเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้..!
ดังนั้น..ในส่วนนี้ ถ้าหากว่ามีใครตำหนิมาหรือว่ามา เราต้องชี้แจงเขาได้ว่า ในเรื่องของวัตถุมงคลนั้น แฝงไว้ด้วยหลักธรรมอะไรบ้าง แม้กระทั่งในส่วนของไสยศาสตร์ ก็ยังมีการห้ามด่าแม่ มีการห้ามกินของบางอย่าง มีการห้ามเข้าไปในสถานที่บางแห่ง ข้อห้ามนั่นคือศีล ถ้าท่านทั้งหลายสามารถทำตามข้อห้ามนั้นได้ ท่านทั้งหลายก็สามารถรักษาศีลได้ทุกคน เพราะว่ากำลังใจในการหักห้ามตนเอง ความมีสติระลึกรู้อยู่ ไม่ละเมิดข้อห้ามของครูบาอาจารย์ เป็นสติและกำลังใจเดียวกันกับการที่เรารักษาศีล แล้วศีลก็จะเป็นพื้นฐานให้การภาวนาของเรา สะดวกแล้วก็ง่ายขึ้น เมื่อมีศีล มีสมาธิทรงตัว ปัญญาก็จะตามมาเองโดยอัตโนมัติ
ดังนั้น...สองวันที่อาตมาไม่อยู่ จะว่าไปแล้วก็มีภารกิจโดยตลอด แต่ว่าในส่วนที่กล่าวถึงมีคร่าว ๆ แต่เพียงเท่านี้ จึงได้เรียนถวายพระเถรานุเถระและน้องสามเณร ตลอดจนกระทั่งบอกเล่าให้แก่ญาติโยม ทั้งในที่นี้แล้วก็ที่อยู่ทางบ้านทุกคนได้รับทราบเอาไว้ว่า ท่านที่แหงนคอรอคอยเสียงธรรมอยู่นั้น อาตมาเองไม่ได้ว่างเลยแม้แต่วันเดียว..ขอเจริญพร
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันเสาร์ที่ ๑๕ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๔
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-05-2021 เมื่อ 05:25
|