พระอาจารย์กล่าวว่า "การเจ็บไข้ได้ป่วยงวดนี้ มีความรู้เพิ่มขึ้นว่า แก่แล้วพยายามอย่าให้ป่วย เพราะว่าฟื้นยากมาก สามอาทิตย์ผ่านไปยังไม่มีเรี่ยวมีแรงจะขยับตัวเลย ขนาดเอาแต่กินและนอน ไม่ถึงเวลางานจริง ๆ ไม่ไป ก็มีแรงแค่ไปงานเสร็จแล้วกลับ กลับมาได้ก็สลบไสลต่อ เราจะเห็นว่าสภาพสังขารมีความเสื่อมเป็นธรรมดา ถ้าดูแลรักษาไม่ดี จะลำบากตอนแก่
อาตมาเองใช้สังขารร่างกายตอนหนุ่มหนักเกินไป โดยเฉพาะช่วงที่เป็นทหารอยู่ เมื่อถึงเวลาร่างกายทรุดโทรม ก็จะชำรุดมาก โดยเฉพาะหู ช่วงที่เป็นทหารอยู่ หมอตรวจว่าหูชำรุดไปประมาณ ๔๐ เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากยิงปืนมากเกินไป เพราะว่าสมัยนั้นไม่มีเครื่องป้องกันให้ ไม่ว่าจะปืนใหญ่ ไม่ว่าจะปืน ค. ถึงเวลาตูมมาก็เหมือนกับฟ้าผ่าข้างหูตัวเอง ประสาทหูจึงชำรุดหมด
ยิ่งตอนที่ฝึกชิงตัวประกันในห้องแคบ ๆ ถึงเวลาเสียงปืนไรเฟิลจู่โจม ถ้าหากว่าคนทั่วไปจะไม่เข้าใจว่าดังแค่ไหน ถ้าเคยได้ยินเสียงปืนสั้นอย่าง .๓๘ ให้คูณไปเลย ๕ เท่าเป็นอย่างน้อย เพราะว่าความเร็วของกระสุนต่างกันมาก จากความเร็วประมาณ ๘๐๐ - ๙๐๐ ฟุตต่อวินาที ก็เพิ่มเป็น ๒,๕๐๐ ฟุตต่อวินาที ดินขับและแรงอัดจะดังกว่ากันหลายเท่า ถึงเวลาเจ้านายสั่งการจะไม่ได้ยิน สมัยนั้นเขาใช้วิธีตบกบาล ก็คือพวกเราจะใส่หมวกเหล็กรองในอยู่ เจ้านายก็จะตบหัวแล้วก็ทำสัญญาณมือ เราก็จะรู้ว่าเป้าหมายหรือหน้าที่ต่อไปคืออะไร เพราะว่าสัญญาณมือจะบอก"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-03-2021 เมื่อ 13:54
|