ภาพของบึงลับแลค่อย ๆ ชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ บึงน้ำสีเขียว แต่งานนี้พระครูหน่อยท่านบอกว่า น้ำยังเยอะอยู่มาก ตอนท่านมาน้ำน้อยกว่านี้
โยม ๆ ทั้งหลายพอเดินทางลงมาถึง ไม่ได้ทันจะหายเหนื่อย เสียงทิดก็ร้องบอกว่า "เดี๋ยวเราจะเดินตัดขึ้นไปทางเดิมแล้วเลี้ยวไปทางซ้ายมือเพื่อไปยังจุดที่หลวงพ่อท่านพักกางกลดในสมัยที่ท่านและคณะมาบำเพ็ญภาวนาที่บึงลับแลแห่งนี้" เราเดินเกาะกลุ่มต่อสู้กับแรงโน้มถ่วงของโลกไต่ระดับขึ้นตามเส้นทางเดิม หันไปมองอีกทีโยม ๆ ทั้งหลายคงจะสู้ไม่ไหว กระผมจึงนิมนต์พระครูหน่อยท่าน หยุดพักกันตรงแคร่ไม้ไผ่ทางลงสู่บึงลับแล เพื่อรอคณะคุณโยมทุก ๆ ท่านให้พร้อมเพรียงกันอีกครั้งก่อนออกเดินทางต่อไป
เสียงคนขับเท้าช้างคร่ำครวญมาเป็นระยะ ๆ "โอ๊ย....ไม่ไหวแล้ว รู้แบบนี้รอที่รถดีกว่า" คุณ ญ.ผู้หญิง ก็ปลอบขวัญให้กำลังใจไปหลายชุด เร็ว ๆ "อวบ" , สู้หน่อยนะ "อวบ" , "อวบ" สู้ ๆ ทุกคนต่างก็ให้กำลังใจ
มาโยม! ถ้าไม่ไหวก็มานั่งตรงนี้กับหลวงพี่ก่อนก็ได้...โยมตัวใหญ่นั่งยอง ๆ คงจะไม่สะดวก (แต่ระวังแคร่หักนะ) กระผมร้องเรียกก็เพราะเห็นว่าน้ำหนักของคุณโยมคนขับเท้าช้าง คงจะมีปัญหามากกับการต่อสู้กับแรงโน้มถ่วงของโลก งานนี้น้ำหนักคงหายไปอย่างน้อยสองถึงสามกิโลกรัม ดีแล้วจะได้ฟิต "วันหลังไปบวชที่วัดท่าขนุนนะโยม รับรองสุขภาพดีขึ้นแน่นอน หลวงพี่รับประกัน" กระผมแถมไปอีกชุด