เสือเย็นผู้หฤโหดหายไปไหนเสียก็ไม่รู้ หลังจากโถมกระโจนเข้าตะครุบพลาดเป้าหมาย เหมือนพญาเสือร้ายอันตรธานกลายเป็นอากาศธาตุ
สามเณรกองแก้วเมื่อมีสติกลับคืนมาครบถ้วนบริบูรณ์ ลุกขึ้นยืนมองไปรอบบริเวณป่า ไม่เห็นแม้แต่เงาของเสือตัวเท่าควายเปลี่ยว คงพบแต่รอยตีนเหยียบย่ำไปมาอยู่ในละแวกนั้น คะเนจากขนาดรอยตีน ต้องเป็นเสือตัวเดียวกับที่มาเดินวนเวียนอยู่แถวโคนไม้ที่อาศัยนั่งบำเพ็ญภาวนา
เมื่อจิตค่อยคลายจากความประหวั่นตบะจ้าวป่า ซึ่งมีอำนาจเหนือสรรพชีวิตในไพรกว้าง สามเณรน้อยได้ข้อคิดพิจารณาว่า "สติ" คือสิ่งสำคัญยิ่งของมนุษย์
ยามคับขันมนุษย์ส่วนใหญ่จะขาดสิ่งสำคัญยิ่งยวดคือ "สติ"
เพราะมีแต่สติเท่านั้นที่จะควบคุมจิตให้แน่วนิ่ง ไม่พรั่นพรึงต่อสรรพอันตรายใดๆ เนื่องจากจิตเองเมื่อยังไม่บรรลุถึงสัจธรรมขั้นสูง ย่อมหวั่นไหวไปมาตามสภาพจิตอันขาดที่พึ่ง
การนอนตายอย่างสงบอยู่บนเตียงในบ้าน การโดนเสือฉีกกระชากเนื้อหนังกินเป็นภักษาหาร คือ "ตาย" เสมอเหมือนอันเดียวกัน ไม่มีแบ่งแยก ถ้ายอมตายโดยแน่วแน่ว่า จิตเบื่อหน่ายเรือนร่างอันเป็นรังของกิเลส ย่อมมีทางไปเบื้องหน้าอันประเสริฐ
สามเณรน้อยตริตรองพระสัทธรรมในนาทีอันคับขันปานชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้ายเปื่อยขาด ปลงตกเด็ดเดี่ยวคือเป็นฝ่ายเที่ยวเดินตามหาเสือร้าย ถ้ากลัวเสือจะเดินจาริกธุดงค์ต่อไปกระไรได้
จากลำห้วยแห่งนั้น
สามเณรกองแก้วแกะรอยตีนเสือลายพาดกลอนไปเรื่อย ๆ รอยตีนขนาดเท่าจานข้าว สามารถเห็นถนัดชัดเจน จึงก้าวเดินไปตามรอยบุ๋มที่พื้นดินอันเป็นรอยตีนเสือ เดินตามวกไปวนมาสักพักใหญ่ ปรากฏว่ารอยวกกลับมายังโคนไม้ใหญ่ต้นเดียวกับที่สามเณรน้อยอาศัยนั่งบำเพ็ญเพียรเมื่อคืนก่อน
ที่โคนไม้มีสีเหลืองสว่างวาบ
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ชินเชาวน์ : 31-12-2009 เมื่อ 21:56
|