พอรู้ว่ามีเสือตัวมหึมา เข้ามาป้วนเปี้ยนอยู่ในสถานที่บำเพ็ญเพียร สามเณรซึ่งตั้งจิตแน่วแน่ว่า จะยอมตายเพื่อแลกกับคุณวิเศษ รู้สึกขนลุกเกรียวไปทั้งตัว ตบะเสือจ้าวป่าคือสิ่งซึ่งสะกดป่าทั้งป่าให้สยดสยองหวาดกลัว สามเณรน้อยใจสั่นหวั่นไหว กลัวจนตัวสั่นไปชั่วขณะหนึ่ง
เมื่อตั้งสติได้จึงนึกตำหนิตนเอง เพิ่งบอกกับชายผู้หวังดีว่าไม่เกรงแม้กระทั่งความตาย เพียงพบรอยตีนเสือเท่านั้น เสือตัวจริงยังไม่เห็นแม้แต่เงา ก็หวาดเสียว ครั่นคร้ามต่อความตายที่จะมาเยือนเสียแล้ว
สามเณรกองแก้วย้อนกลับไปนั่งลงที่โคนไม้ใหญ่ตามเดิม ระลึกถึงพระสัทธรรมอันสมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ดีแล้ว
พระศาสดาให้พึงระลึกถึง "มหาสติปัฏฐาน ๔" ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ ไปอยู่กลางป่า อยู่โคนไม้ใหญ่ ไปอยู่เรือนร้างว่างเปล่า ภิกษุนั้นพึงดำรงสติมั่น พิจารณากายในกายหนึ่ง พิจารณาเวทนาในเวทนาหนึ่ง พิจารณาจิตใจจิตหนึ่ง พิจารณาธรรมในธรรมหนึ่ง ภิกษุนั้นจักพ้นเสียซึ่งความหวาดเสียว ความกลัว ฯลฯ
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ชินเชาวน์ : 30-12-2009 เมื่อ 07:32
|