ในสภาพเศรษฐกิจที่ไม่ไหวแบบนี้ ญาติโยมก็ต้องอาศัยมนต์คาถา ถ้าเป็นพวกนักวิชาการสมัยนี้บอกว่า ไสยศาสตร์คือเวทมนตร์คาถา แต่ความจริงนักวิทยาศาสตร์หรือบรรดานักวิชาการ เขาไม่เข้าใจอย่างแท้จริง ก็แบบเดียวกับที่พวกเรามาเพื่อรอรับวัตถุมงคล ก็จะมีประเภทที่คอยตำหนิว่า เป็นพวกกำลังใจห่วยแตก ใช้การไม่ได้ ยังต้องยึดถืออย่างโน้นอย่างนี้อยู่ ขอให้ทราบไว้เลยว่า คนเราสร้างบารมีมาไม่เท่ากันอย่างหนึ่ง ปัญญาไม่เท่ากันอย่างหนึ่ง
คนเราสร้างบารมีมาไม่เท่ากัน คนที่สร้างบารมีมาน้อย ก็ต้องมีสิ่งจูงใจให้เข้าหาความดี คนที่มีปัญญาไม่ประมาท ก็ต้องอาศัยสิ่งของยึดเกาะในการเดินทาง เพื่อที่จะไม่ให้ตัวเองพลาดล้ม หรือว่าถ้ามีสิ่งช่วยอำนวยความสะดวก ก็อาศัยใช้งานเพื่อความคล่องตัว และโดยเฉพาะว่า ถ้าเราเป็นนักปฏิบัติธรรมที่แท้จริง จะไม่ตำหนิคนอื่น เพราะเห็นชัดว่าธรรมดาของโลกเป็นอย่างนั้น ถ้ายังตำหนิคนอื่นอยู่ แปลว่ายังไม่เห็นธรรมดาของโลก แปลว่าคนตำหนินั้นกำลังใจยังใช้ไม่ได้เอง
เรื่องทั้งหลายเหล่านี้อย่าไปเถียงกับเขา เพราะว่าญาติโยมยังไม่ชัดเจนในเหตุผลเลยว่าเรามานั่งรอแบบนี้ทำไม ? ไปนั่งเถียงกับเขา เดี๋ยวโดนนักวิชาการบี้ตาย แต่พวกนักวิชาการนี่ พอเจอเจ้าอาวาสวัดท่าขนุนมักจะโดนบี้ตายแทน เพราะว่าอาตมาชัดเจนว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้คืออะไร สามารถยกเหตุยกผลขึ้นมาสู้กันได้
แล้วที่แน่ ๆ ก็คือ อย่าไปเถียงกับใครโดยไม่จำเป็น เพราะว่าแสดงถึงทิฐิ คือกำลังใจของเราที่ยังแบกรับอยู่ ไม่ปล่อยวาง ถ้าไม่ใช่เรื่องที่เสียหายถึงส่วนรวม อาตมาไม่เสียเวลาไปเถียงกับใครหรอก ปล่อยเขาไปเถอะ..อยากพูดอะไรก็ให้พูดไป พอเหนื่อยเขาก็หยุดเอง แต่ถ้ามีอะไรเสียหายถึงส่วนรวมนี่อาตมาจะต้องพูด
ในเรื่องของการพูด เราต้องตั้งสติด้วย อย่าให้ไหลตามไปกับ รัก โลภ โกรธ หลง ให้เป็นการว่ากันโดยธรรม ภาษาพระเขาเรียกว่า วิวาทะ ที่เราอ่านว่า วิวาท วิวาทนี่ไม่ใช่ทะเลาะกันนะ
วิ เป็นอุปสรรคในภาษาบาลี เขาแปลว่า วิเศษ แจ่มแจ้ง หรือแตกต่าง วิวาท มีคำพูดที่แตกต่างกัน ฉะนั้น..วิวาทนี่ไม่ใช่ทะเลาะกัน วิวาท ก็คือ แสดงคำพูดที่ต่างกัน ว่าเหตุผลของใครจะดีกว่ากัน
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-08-2020 เมื่อ 02:35
|