ดังนั้น...ในเรื่องของตัวบทพระคาถาต่าง ๆ นั้น สำคัญตรงที่ว่าเราทำเป็นหรือไม่ ? ถ้าทำเป็นก็จัดเป็นกองกรรมฐานใหญ่ทั้งสิ้น ขณะเดียวกันก็ทำให้อารมณ์การภาวนาของเราทรงตัวมั่นคง จะเอาถึงระดับฌานก็เป็นไปได้ไม่ยาก จะเอาทิพจักขุญาณก็แค่กำหนดใจ นึกถึงตัวพระคาถาขึ้นมาทีละคำ ๆ เวลาเราภาวนา เห็นพระคาถาชัดเจนเท่าไรก็เห็นผีเห็นเทวดาได้ชัดเจนเท่านั้น หรือจะเอาถึงระดับหลุดพ้น ก็ยกกำลังใจขึ้นไป ภาวนาถวายเป็นพุทธบูชาบนพระนิพพาน เป็นต้น
เรื่องทั้งหลายเหล่านี้จึงอยู่ที่พวกเราว่า จะมีเคล็ดลับวิธีการพลิกแพลงในการกระทำลักษณะอย่างไร ถ้าเราสามารถภาวนาได้ต่อเนื่อง จากที่อาตมาเคยทำมาด้วยตนเอง ก็คือ ประมาณสองเดือน ผลของพระคาถาก็จะเกิดขึ้นเองโดยอัตโนมัติ
อย่างที่วันนี้มีพระภิกษุท่านมารายงานว่า ท่านทำพระคาถาแล้วได้ผลอย่างที่พระอาจารย์ คืออาตมาบอกไว้จริง ๆ ซึ่งตรงจุดนี้ก็ยินดีกับท่านด้วย ว่าท่านสามารถก้าวล่วงวิจิกิจฉาคือความลังเลสงสัยในสิ่งที่ครูบาอาจารย์บอก แล้วตั้งหน้าตั้งตาทำจนเกิดผล
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 21-07-2020 เมื่อ 23:02
|