ดูแบบคำตอบเดียว
  #527  
เก่า 15-07-2020, 14:34
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,889 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default

นิสัยวาสนาเรื่องประสาน

การประชุมปรึกษาหารือกันในงานใดก็ตาม ไม่ว่าฝ่ายฆราวาสหรือสงฆ์ มักมีทางเลือกที่เหมาะสมหลายทาง การตัดสินใจเลือกทางใดทางหนึ่ง ต้องกล้าหาญที่จะยกเหตุผลอันแน่นหนาและเป็นธรรม จะเป็นที่ลงใจแก่ทุกฝ่ายโดยง่าย ความกล้าหาญจริงจัง มีเหตุผล และเป็นธรรมเช่นนี้ เป็นคุณสมบัติเด่นขององค์หลวงตา จึงสามารถฝ่าฟันปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ ได้อย่างน่าอัศจรรย์ ดังเช่นคราวหนึ่งมีการประชุมหารือที่วัดโพธิสมภรณ์ จังหวัดอุดรธานี

เหตุการณ์ในครั้งนั้นเกิดขึ้นเมื่อเจ้าคุณธรรมเจดีย์ พระอุปัชฌาย์ของท่านถึงแก่มรณภาพแล้ว ที่ประชุมมีเรื่องปรึกษาปรารภเกี่ยวกับเรื่องเมรุ และบริขารเครื่องใช้ของเจ้าคุณธรรมเจดีย์ ผู้ร่วมประชุมมีทั้งเจ้าคณะภาค เจ้าคณะจังหวัด พระเถระหลายรูป ฝ่ายฆราวาสก็มีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน และตัวแทนหน่วยงานราชการอื่นเข้าร่วมประชุมด้วย ดังนี้
“... เช่นอย่างวัดโพธิฯ นี่ประชุมกัน ๒ วัน ไม่เสร็จ เจ้าคณะต่าง ๆ มา ไปไม่ได้สองวันเต็ม เอากันอยู่สองวัน มีแต่เขาโค้ง ๆ นะ โอ้.. พระทะเลาะกัน ไม่ใช่เล่น ๆ นะ เจ้าคณะฯ ทะเลาะกัน พอวันที่ ๓ ท่านเจ้าคุณเลยเอาจดหมายน้อยให้เณรถือมาแค่นี้ เพราะเป็นกันเองเรากับท่านเจ้าคุณ ตั้งแต่เป็นมหาเปรียญด้วยกันมา จนท่านเป็นเจ้าคณะจังหวัด เจ้าคณะภาคอะไร ๆ เรื่อยมา เราคงเส้นคงวาหนาแน่นเป็นหลวงตาบัวตามเดิม


คือแต่ก่อนไม่มีรถ รถมันลำบาก ทางรถไม่มี มีเป็นทางล้อทางเกวียนเสีย ถ้าเป็นหน้าแล้งก็มีแต่ทราย ต้องรถจี๊ปถึงจะไปได้ ถ้าเป็นหน้าฝนมีแต่ตมแต่โคลน เราก็เดินไปเลย วันนั้นเณรเอาจดหมายน้อยมาแค่นี้ เดินมานะ ไม่มีรถ ไม่มีทางรถมา ท่านเจ้าคุณส่งจดหมายมาถึงเราว่า
“ขอนิมนต์ท่านอาจารย์ไปดับไฟวัดโพธิฯ ให้ด้วย เวลานี้ไฟกำลังโหมลุกไหม้วัดโพธิฯ จะแหลกหมดวัดแล้ว มองเห็นแต่ท่านอาจารย์องค์เดียวเท่านั้น ขอนิมนต์ไปโดยด่วน”


เราไม่สบาย มีไข้เล็กน้อย เป็นไข้อยู่แต่เราก็ไป เพราะเราเห็นประโยชน์ส่วนใหญ่ ที่ว่าประชุมตั้ง ๒ วันไม่เสร็จนี้อย่างไรกัน สิ่งที่ควรจะลงกันได้ทำไมไม่ลง เพราะเหตุผลกลไกอะไร นี่ละ..เป็นน้ำหนักอันหนึ่ง เราจึงต้องไป สะพายบาตรไปเลย คนเดียวนะ แต่ก่อนไม่มีรถเดินถึงวัดโพธิฯ เลย จากนี้ถึงวัดโพธิฯ เลย

ฝ่ายอธิกรณ์เรียกว่าฝ่ายข้าศึกก็มีผู้ว่าฯ เป็นผู้นำมา ทางฝ่ายวัดก็ทั้งวัด เอากันเสีย ๒ วันไม่ลง เจ้าคณะภาคที่ไหนมาประชุมก็ไม่ลงกัน พอประชุมกันที่จะทำเมรุแล้วล้ม มีอยู่ ๒ – ๓ คนที่ว่าทำเมรุให้ล้ม ๆ อยู่เรื่อย เป็นอธิบดีศาลอยู่ในนั้นคนหนึ่ง เกี่ยวกับผู้ว่าฯ อีกคนหนึ่ง แล้วใครอีก ๓ คน มาทำให้เมรุล้มอยู่เรื่อย ๆ ถ้าว่าประชุมเท่านั้นล้ม ๆ ๓ คนทำให้ล้ม .. ไปวันนั้นก็ซัดกันใหญ่เลย เอาเจ้าคณะไหน ๆ มาชำระไม่ลง

เราก็เลยไป เลยตกลงมาเอาเจ้าคณะวัดป่าบ้านตาดไปเลย ๔๕ นาที เห็นไหมละ..เรียบ..! ยอมรับทั้งสองฝ่ายด้วยความพอใจ พอไปถึงก็เอากันเลย เราไม่ลืม ๔๕ นาที.. ใส่เปรี้ยง ๆ ดักนั้นดักนี้ ซัดนั้นซัดนี้ สุดท้ายยอมรับหมดเลย เป็นอันว่าหาที่ค้านไม่ได้แล้ว ยอมรับกันทั้งวัด ทั้งสองฝ่ายยอมรับด้วยเหตุผล นั่น..เห็นไหมล่ะ

นี่ล่ะ..ที่ว่าทำเมรุให้ล้ม ๆ ไปประชุมวันนั้นก็ซัดกันเลยกับเรา.. ไปทีไรไปขู่พระ สามกษัตริย์ใหญ่นี่ ในนั้นมีอธิบดีศาลคนหนึ่งด้วย ไม่ใช่น้อย ๆ ละ ไม่เคยโดนกันจังต่อจัง..ใส่กัน เข้าใจไหม ? บทเวลาเราเข้าประชุมขึ้นผางมา ทางนี้ก็ซัดกันเปรี้ยงเลย โอ๋ย.. ในที่ประชุมนี้เงียบกริบเลย เวลาได้ซัดกัน.. อย่างนี้ละ

ทางวัดรู้สึกว่าพร้อมกันหมดนะ เจ้าอาวาสพูดกับพระผู้ใหญ่ ๆ ในนั้น วันนี้ท่านอาจารย์มหาบัวจะมาชำระเรื่องนี้นะ เราเองไปนิมนต์ท่านมา ให้ฟังเสียงท่านนะทุกคน เท่านั้นละท่านสั่งเอาไว้ .. ไปก็เอาเลย ประชุมปึ๊บขึ้นมาเลยเป็นอย่างไร เหตุผลกลไกอย่างไร.. ไล่มาเรื่อย ๆ เข้าไป เราเอาหลักธรรมวินัยกางตลอด ไม่ได้นอกเหนือไปจากหลักธรรมวินัย เอากัน.. ซักกันไปซักกันมา เอาไปเอามามีแต่เราคนเดียววันนั้น เราเป็นคนซักคนนั้น เหตุที่ไม่ลงรอยเพราะใครเป็นต้นเหตุ.. ไล่เข้าไปหาผู้นั้น ซักกัน ๆ ๔๕ นาที

ผู้ว่าราชการจังหวัดไปกับฝ่ายนั้นละ ฝ่ายทำลาย.. ไม่ลง วันนั้นผู้ว่าราชการจังหวัดก็มา ๆ ดูว่าเป็นฝ่ายนั้น เป็นลูกศิษย์ของฝ่ายนั้น ฝ่ายไม่ลงใคร ไปก็เอาเลยละ ทีนี้ใครก็คอยฟังเสียงเรา เพราะเรื่องอะไรมันก็ไม่เสร็จ ประชุมกันทีนี้ก็ฟังเสียงเรา เราก็ถามต้นเหตุเป็นอย่างไรไล่มา ๆ ๆ เอาธรรมวินัยเข้ากาง ๆ ซัดกันเลย มัดกันเข้าเลย เอา.. พูดง่าย ๆ อย่างนี้ละ ซัดกันเข้า มัดเข้า ๆ สุดท้ายแพ้ พอพูดอะไร
‘เอา.. ถ้าสงฆ์เห็นด้วยตรงไหนให้ยกมือขึ้น พรึบ ๆ ๆ เอา.. เจ้าของว่าอย่างไร เอ้า.. ค้านมา’


เจ้าของเงียบ เป็นอันว่ายอมรับโดยดุษณีภาพ นิ่ง ๆ เอาซักกันไป ๆ พอซักกันไปถึงจุดแล้วก็พอ เราลงจุดปึ๊บทางนี้ เอา.. นี้ผิดหรือถูก ถ้าถูกให้ยกมือขึ้น พรึบ ๆ เลย เอากัน ๔๕ นาทีเรียบร้อย ซักกันอย่างหนักนะ

นั่นละที่เจ้าคุณอุดร นิสัยท่านเรียบร้อย ท่านดุใครไม่เป็น ไอ้เรามันว่าหมาว่าแมวอยู่ในนี้หมด ทั้งกัดทั้งข่วน พอขึ้นเวทีก็ซัดกันเลย ผู้ว่าฯ ก็นั่งอยู่นั่น เราเป็นคนซัก ไป ๆ มา ๆ สุดท้ายลงเลย เราสรุปเลยนะ เป็น ๔๕ นาทีนะนั่น ซัดกันมีแต่เรากับเจ้าของคดีที่ไม่ลง คือขวางกันอยู่นั่นเพราะเหตุใด เอา..ไล่มา ซัดกันไปซัดกันมา สุดท้ายลงทั้งฝ่ายนี้ฝ่ายนั้น เอา.. ถ้าไม่ลงตรงไหนให้ค้านมา เราไม่พูดถึงเรื่องราวที่ไม่ลงเพราะอะไรละ เราเอาธรรมวินัยเข้ากางกับเรื่องราวนั่น ใส่กัน ๆ เข้าไปเลย บรรดาพระสงฆ์ทั้งหลายก็ยกมือพร้อม ๆ กันลงเรียบร้อยเลย

เราคนเดียว เราพูดกับคู่กรณีกันว่าอย่างนั้นเถอะ กรณีที่ให้แตกกระจาย ๆ ไม่ให้ลงได้นะนั่น มัดกันไป ซัดกันไปซัดกันมา มัดกันเข้า สุดท้ายก็เลยลงเรียบร้อย ๔๕ นาที เราไม่ลืมนะ ทีนี้พอเสร็จแล้ว เราเหนื่อยก็นอนแผ่สองสลึง พวกนั้นก็เลิกกันไป พวกพระก็เข้าไปนวดเส้นให้ เจ้าคุณอุดร.. นิสัยเรียบนะ เป็นนิสัยดุใครไม่เป็น พอนั่งอยู่ข้าง ๆ อย่างนี้เงียบ ๆ ละ นิสัยของท่านนั่นแหละ พูดขึ้นอยู่คนเดียวข้าง ๆ หมู่เพื่อนนี่ละ
‘ถ้าใครอยากเห็นฤทธิ์เห็นเดชอาจารย์ของเราให้มาดูเวลาขึ้นเวที’


พอว่าอย่างนั้นเราก็ขู่ว่า ‘ก็เรื่องราวมันเสร็จสรรพเรียบร้อยไปแล้ว.. มาอุ่นกินหาอะไร มันเน่าเฟะไปแล้ว ท้องเสียท้องบูดไปหมดนี่น่ะ มาอุ่นกินหาอะไร เรื่องแล้วไปแล้ว’

ทดลองดูท่านจะออกกิริยาไหน กิริยาเก่า ‘โอ๋.. มันก็น่าอุ่นน่ากิน กินทั้งวันก็กินได้สบาย เพราะมันมีรสชาติอยู่’

ท่านก็ว่าของท่านสบาย ขบขันนะ เราแหย่..เราขู่ท่าน นึกว่าท่านจะมีกิริยาอะไร เหมือนเดิม.. ดุใครไม่เป็น เราก็อดหัวเราะไม่ได้ โอ้..นิสัยนี้ก็เป็นอย่างนี้ ดุคนไม่เป็น ไอ้เราเป็นฝ่ายดุ เจ้าคุณยังอยู่นี้ละ..ทุกวันนี้ ดุท่านนึกว่าท่านจะขึ้นแบบไหน.. ไม่ขึ้นนะ ขึ้นแบบเดิม .. ท่านเจ้าคุณอุดร ชื่อสวัสดิ์ บวชเป็นลูกวัดโพธิฯ มาแต่นู้น..จนกระทั่งป่านนี้.. ท่านดุใครไม่เป็นนะ นิสัยท่านเรียบมากทีเดียว ไม่เคยเห็นท่านดุใครเลย.. เรียบตลอด เราหาอุบายวิธีแหย่ให้ความโมโหท่านขึ้นบ้าง .. ไม่มี ท่านเรียบอยู่ตามเดิม

นี่ละ..ที่ว่าอยากเห็นฤทธิ์เห็นเดชอาจารย์ของเรา ให้ท่านมาดูเวลาขึ้เวที คือเวลาขึ้นเอาจริง ๆ นะเรา ไม่มีสูงมีต่ำ เอาธรรมกางเข้าเลย เอาธรรมกางเข้าไป ไล่เข้าหาธรรม หาวินัย.. ที่อื่นขัดกับธรรมวินัยซัดกันตรงนั้น ๆ นั่นละ..ยอมรับกันหมดทั้งวัดเลย คู่กรณีก็ยอมรับ ผู้ว่าฯ มาด้วยกันก็เงียบ ไม่มีว่าอะไรเลย คือเวลาขึ้นมันไม่มีสูงมีต่ำนะ เอาธรรมวินัยออกกางแล้วซัดไปตามนั้นเลย ทีนี้กิริยาอาการทุกอย่างมันก็ขึ้นนั่นละ อย่างที่ว่าอยากเห็นฤทธิ์เห็นเดชอาจารย์ของเราให้มาดูเวลาขึ้นเวที คือเวลาขึ้นเวทีมันซัดจริง ๆ เข้าใจไหมล่ะ เอาเปรี้ยง ๆ เลย

พูดเรื่องอธิกรณ์เรื่องอะไรนี้มักจะมีเสมอ มันจะเป็นนิสัยวาสนาอะไรไม่รู้นะ เราเข้าจุดไหนก็เป็นอันว่าเรียบลงไปทุกแห่ง ไม่ใช่ครั้งนี้.. มีทุกแห่งใหญ่ ๆ ทางภาคกลางก็เหมือนกัน.. มีใหญ่ ๆ ทั้งนั้น แต่ก็เดชะทุกครั้งไม่เคยพลาดนะ เรียบร้อยลงด้วยดี เป็นอย่างนั้นนะ มันคงจะมีนิสัยวาสนาอันหนึ่งประสาน ๆ ให้เรียบร้อยเป็นที่ลงใจกัน.. ยอมรับกัน ก็เรียบร้อยไปด้วยดีทุกแห่งที่.. เราเข้าประชุมทีไรเป็นอย่างนั้นละ ..

ไปที่ไหนมักจะเป็นนะเรา มันจะมีนิสัยวาสนาอย่างนั้นก็ไม่ทราบ คือส่วนยุแหย่ไม่มีเลย แต่ส่วนประสานนี้มีเต็มหัวใจ เต็มกิริยาอาการทุกอย่างตลอดมา คงเป็นอานิสงส์อันนี้ละมัง ? มันก็เหมือนว่าจะมีวาสนาไปทางเรื่องประสานนะ มักมีเสมอ เรามักจะไประงับได้ทุกงาน ไม่มีงานไหนที่เราได้เข้าแล้ว ได้ผ่านไปเฉย ๆ ไม่สำเร็จ ไม่เคยปรากฏ เข้าในงานไหนปั๊บ..เรียบร้อย ๆ ไป เรามักจะมีนิสัยวาสนาทางนี้ เพราะนิสัยของเราชอบประสานนะ ที่ยุแหย่ให้แตกไม่มีในเรา ...

ในวัดโพธิ์ .. นี้มีเรื่องอะไรต้องเอาเราไประงับนะ แต่เดชะนะ.. เรียบทุกที ไม่เคยข้ามหัวเราไป ไปตั้งก๊กใหม่ต่อสู้กับเราอีกอย่างนี้ไม่เคยมี พอลงแล้วหมอบ ยอมทั้งสองฝ่าย คู่กรณียอมเรา มันคงจะเป็นวาสนาอันหนึ่งอยู่ คืออะไรก็ตามระงับ อะไรเรียบหมด ๆ นะ อธิกรณ์ใหญ่ ๆ เราเข้าปั๊บ เรียบ .. ดี รู้สึกว่าสายศาสนานี้รู้สึกจะราบรื่นดีนะ ไม่เคยมีอะไรเลยนะ ตั้งแต่เริ่มบวชมาจนกระทั่งป่านนี้ ไม่เคยมีอะไรมาขัดมาข้อง หรือเรื่องราวใด ๆ มัวหมองไม่เคยมี มีแต่ระงับ.. ระงับเรื่องราวต่าง ๆ หรืออธิกรณ์ต่าง ๆ มักจะเด่นอยู่ เด่น.. อย่างวัดโพธิฯ นี้ เกิดเรื่องอะไรจะต้องมาเอาไป เอาเราไป เรียบเลยนะ ...

จิตนี้ไม่มีอับเฉา จ้าตลอดเวลา เรียกว่าภูมิใจ การตายของเราไม่มีวิตกวิจารณ์ ภูมิใจคือมันจ้าอยู่ในนี้ จึงว่าสมมรรคสมผลทางศาสนา ทางโลกขัด ๆ ข้อง ๆ ขัด ๆ ข้อง ๆ เรื่อยไม่สะดวก ๆ เราก็เป็นคนจะว่าทิฐิก็ถูก มันไม่ลงใครง่าย ๆ นะ ถ้าหากว่าเหตุผลไม่ลง ไม่ละนะนี่ นี่ถ้าเป็นทางโลกขัด ๆ ข้อง ๆ เรื่อยมา พอทางธรรมปั๊บติดเลย สะดวกจนกระทั่งป่านนี้

จนป่านนี้ไม่เคยมีเรื่องมีราวอะไรทางศาสนา นอกจากระงับดังเรื่องทั้งหลายเท่านั้น ที่จะให้เกิดเรื่องเกิดราวเราไม่เคยมี มีแต่ระงับดับเรื่องของสงฆ์ของพระมีเรื่อย ๆ ไปเลยมีมากนะ.. มันก็คงจะสายบุญสายกรรมไปทางนี้ละ ไปทางสายระงับดับเรื่องต่าง ๆ เพราะมันมากต่อมากนะเรา ใหญ่แทบทั้งนั้นละ ระงับได้เรียบ ๆ เลย ในตัวของเรารู้สึกจะทางด้านศาสนา ทางด้านธรรมะโล่งกว่ากัน ทางโลกขัด ๆ ข้อง ๆ ตลอด ถ้าทางธรรมราบรื่นเรื่อยตั้งแต่บวชจนป่านนี้ ไม่เคยมีเรื่องมีราวอะไรที่จะได้รับความหนักใจจากเราไม่เคยมี นอกจากเราช่วย ๆ ยกตัวอย่างเช่น อย่างวัดโพธิฯ

เอ๊.. มันก็แปลกอยู่นะ เดชะอันหนึ่งอยู่ ไปเป็นลูกศิษย์ครูบาอาจารย์องค์ใดไม่ว่าฝ่ายปฏิบัติ ไม่ว่าฝ่ายปริยัติ รักทั้งนั้น..รักเรา เมตตามาก ทางฝ่ายปริยัติก็เมตตามาก ทางฝ่ายปฏิบัติก็เมตตามาก ยกตัวอย่างพ่อแม่ครูอาจารย์มั่นรักเมตตาอยู่ลึก ๆ นะ ไว้ใจ.. ทุกอย่างไว้ใจ ถามนู้นถามนี้อะไร ๆ ถ้าอะไรที่ยังไม่ลงกันแล้วท่านมหาว่าอย่างไร ท่านถามมาแล้วนะ เอาเราเป็นข้อสรุป ท่านมหาว่าอย่างไร ท่านว่าอย่างนั้น ๆ พอว่าอย่างนั้นเรียบ เอาล่ะ..ถูกต้องแล้วตามที่ท่านมหาพูด แน่ะ..อย่างนั้นนะ ไม่เคยค้าน ทางศาสนานี่โล่ง ทางโลกขัด ๆ ข้อง ๆ เรื่อยไป ทางศาสนาปุ๊บเลย ทะลุ ๆ เลย ...

คบค้าสมาคมกับครูบาอาจารย์เรียกว่าเข้าขั้นดีมาก ทางฝ่ายปริยัติก็ตาม ครูบาอาจารย์รักทั้งนั้น ทางฝ่ายปฏิบัติเช่น พ่อแม่ครูอาจารย์มั่นไว้ใจเลยทุกอย่าง ก็ดี.. เป็นผู้น้อยคอยดูแลอุปถัมภ์อุปัฏฐากครูบาอาจารย์ผู้ใหญ่ที่ท่านไว้ใจ ๆ ...”

บทสรุปของที่ประชุมคราวนั้นปรากฏว่าไม่มีใครคัดค้าน ทุกคนตกลงเห็นดีเห็นงาม และเซ็นรับรองข้อยุติร่วมกันด้วยความเรียบร้อย พร้อมนี้ยังขอให้ท่านร่วมเซ็นชื่อเป็นเกียรติด้วย แต่ท่านก็ไม่ได้เซ็นชื่อแต่อย่างใดด้วยเหตุผลว่า
“เราไม่ได้มาเพื่อการลงเอาชื่อ แต่มาเกี่ยวกับเรื่องนี้ต่างหาก เมื่อวาระสงบเรียบร้อย เราก็พอใจแล้ว”


ด้วยอุปนิสัยของท่านที่มีเหตุมีผล และมีความจริงจังเด็ดขาด ไม่หวั่นเกรงต่อสิ่งใดหรือคนใดยิ่งกว่าธรรมนี้เอง องค์ท่านจึงมักถูกขอให้เป็นหลักในการประชุมสำคัญ ๆ อยู่เสมอ อีกทั้งการแสดงความคิดเห็นของท่าน จะพยายามหาจุดที่ถูกธรรมวินัย ดังนั้น..เรื่องที่เป็นปัญหาอยู่นั้นจึงมักไม่มีสิ่งกระทบกระทั่ง หากมีก็น้อยที่สุด แต่ก็ด้วยถือเอาเหตุผลและธรรมเป็นใหญ่ การประชุมครั้งสำคัญในที่ต่าง ๆ จึงยอมรับตกลงกันได้ง่าย และสงบเรียบร้อย

นอกจากการประชุมที่ท่านเข้าร่วมวินิจฉัยด้วยดังได้กล่าวมาแล้วข้างต้น ท่านก็ยังมีโอกาสเข้าร่วมประชุมครั้งสำคัญ ๆ อื่น ๆ อีกมาก เช่น ที่วัดป่าสุทธาวาส จังหวัดสกลนคร วัดป่าอุดมสมพร จังหวัดสกลนคร วัดถ้ำกลองเพล จังหวัดหนองบัวลำภู เป็นต้น

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-07-2020 เมื่อ 17:40
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 9 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
ภาวนามัย (25-04-2024), สุธรรม (15-07-2020)