ส่วนที่สหรัฐอเมริกานั้น การตายของชายผิวดำที่โดนตำรวจจับกุมด้วยความรุนแรง ทำให้เกิดการประท้วงไปเกือบทั่วทั้งประเทศ มิหนำซ้ำ "ท่านประธานาธิบดีน็อตหลวม" ยังช่วยโหมฟืนใส่ไฟว่า looting start (เริ่มปล้น) shooting start (เริ่มยิง) ทำให้เกิดการเผาและปล้นสดมภ์กันทั่วเมือง จนทางการต้องปิดถนนที่มุ่งสู่ทำเนียบขาวทั้ง ๒ สาย เพื่อให้ท่านประธานาธิบดีปลอดภัย จะได้มีแรงสุมฟืนใส่ไฟต่อไป..!
จะว่าไปแล้วก็เป็นกรรมสนอง ที่สหรัฐอเมริกาทำตัวเป็นนักเลงโต เที่ยวไปวุ่นวายกับการเมืองของประเทศอื่นทั่วโลก โดยเฉพาะอยู่เบื้องหลังการประท้วงในฮ่องกง เมื่อม็อบฮ่องกงมีการเผาทำลาย ยังบอกว่า "เป็นภาพที่งดงาม" คล้าย ๆ กับ "อาหารอร่อยดนตรีไพเราะ" ของม็อบแถว ๆ ใกล้ ๆ บ้านเรานี่เลย..!
เราจะเห็นความเป็น Double Standard ของสหรัฐอเมริกาที่ดำเนินการเกี่ยวกับการควบคุมฝูงชน ตัวเองไปเที่ยวชี้นิ้วบงการให้ประเทศอื่นยึดหลักสิทธิมนุษยชน แต่พอผงเข้าตาตัวเองกลับบอกว่า จะส่งทหารเข้าไปจัดการ..! ประมาณว่า "ท่านจงทำตามที่ข้าพเจ้าบอก แต่อย่าทำตามที่ข้าพเจ้าทำ..!"...
ทำให้นึกถึงที่ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๙ ซึ่งให้สัมภาษณ์นักข่าวต่างประเทศว่า "พระองค์ท่านคิดว่าจะชนะในสงครามคอมมิวนิสต์นี้ไหม ?" พระองค์ท่านตรัสว่า "เราไม่สนใจการแพ้ชนะ เพราะว่าเราไม่รบกับประชาชนของเรา แต่เรารบกับความอดอยากของประชาชน ถ้าเราชนะประชาชนทุกฝ่ายจะอิ่มเหมือนกัน"...
จะเห็นได้ชัดว่าบุคคลที่ให้ความสำคัญกับประชาชน กับบุคคลที่สำคัญผิดว่าประชาชนจะทำให้ตนพ้นจากอำนาจ นั้นต่างกันขนาดไหน ?
ถ้าท่านไม่ยึดติด ท่านก็ไม่มีอะไรจะสูญเสีย แต่ถ้าท่านยึดมั่นถือมั่นในอำนาจ โอกาสที่เลือดนองเป็นท้องธารก็จะเกิดขึ้น ฝากไว้ให้ผู้ปกครองทุกประเทศโปรดรับไปพิจารณาด้วย..!
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-06-2020 เมื่อ 05:28
|