หลักธรรมต่อไป ท่านกล่าวว่า กุสะลัสสูปะสัมปะทา ขอให้ท่านทั้งหลายกระทำความดีให้ถึงพร้อม การกระทำความดีนั้นก็คือตรงข้ามกับความชั่วนั่นเอง ได้แก่ การประกอบกายสุจริต เว้นจากการฆ่าสัตว์ เว้นจากการลักขโมยของเขา เว้นจากการผิดลูกผิดเมียเขา เป็นผู้ประกอบไปด้วยวจีสุจริต คือ ไม่พูดโกหก ไม่พูดส่อเสียด ไม่พูดคำหยาบ ไม่พูดวาจาเหลวไหลไร้ประโยชน์ และเป็นผู้ที่เว้นจากมโนทุจริต คือ ไม่คิดโลภอยากได้ของคนอื่นเขา ไม่อาฆาตพยาบาทคนอื่น และมีสัมมาทิฏฐิ เห็นว่าทานศีลภาวนาเป็นสิ่งที่ดี เราสมควรที่จะกระทำ ถ้าหากว่าท่านกระทำดังนี้ได้ ก็ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ที่ทำความดีให้ถึงพร้อม
ข้อสุดท้ายนั้นพระองค์ตรัสเอาไว้ว่า สะจิตตะปะริโยทะปะนัง แปลว่า ต้องชำระจิตใจของตนให้ผ่องใสอยู่เสมอ ก็คือการที่เรารักษากำลังใจให้ตั้งมั่นด้วยอำนาจของสมาธิ แล้วใช้สติและปัญญาควบคุมสมาธิไม่ให้เคลื่อนคลายหายไป
ญาติโยมพุทธบริษัททั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นเด็กหญิงเด็กชาย หนุ่มสาวหรือว่าเฒ่าชราก็ตาม พวกเราทั้งหลายได้ปฏิบัติสมาธิกันมาแล้วไม่มากก็น้อย แต่ที่ไม่เห็นผลนั้นเพราะว่าท่านทั้งหลายรักษาสภาพเอาไว้ไม่เป็น เมื่อถึงเวลาเราก็ปฏิบัติ ปฏิบัติเสร็จแล้วเราก็ทิ้งไปเลย การที่เราทำเช่นนั้น จะทำให้เราหาความก้าวหน้าไม่ได้ เพราะการปฏิบัติสมาธิภาวนาเปรียบเหมือนกับการว่ายทวนน้ำ ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายไม่พยายามว่ายเอาไว้ก็จะลอยตามน้ำไป วันหนึ่งเราอาจจะนั่งสมาธิสักครึ่งชั่วโมง ก็แปลว่าเราว่ายทวนน้ำอยู่ครึ่งชั่วโมง เมื่อเลิกจากการว่ายแล้วเราปล่อยก็แปลว่าเราไหลตามน้ำไปอีกยี่สิบสามชั่วโมงครึ่ง มีแต่การขาดทุนอยู่ตลอดเวลา จึงไม่อาจจะหาความเจริญก้าวหน้าจากการฏิบัติได้
ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายปฏิบัติแล้วอารมณ์ใจทรงตัวได้เท่าไหร่ ถึงเวลาเราพยายามรักษาประคับประคองอารมณ์ใจเหล่านั้นให้ทรงตัวอยู่กับเราให้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้ แรก ๆ ก็อาจได้แค่ ๕ นาที ๑๐ นาที บางคนได้น้อยกว่านั้น แค่ขยับลุกขึ้นก็หลุดหายไปแล้ว เป็นต้น ถ้าท่านทั้งหลายพยายามประคับประคองเอาไว้ ก็จะได้จากนาทีเป็นชั่วโมง จากชั่วโมงก็ได้เป็นสองชั่วโมง สามชั่วโมงจากได้ครึ่งวันเป็นวันหนึ่ง สองวัน สามวัน ห้าวัน เจ็ดวัน ครึ่งเดือน เดือนหนึ่ง เป็นต้น
ยิ่งเรารักษาสภาพสมาธิให้ได้มากเท่าใด สภาพจิตใของเราก็มีความผ่องใสมากขึ้นเท่านั้น สภาพจิตใจที่ผ่องใสนี้เราจะสามารถไปใช้งานทางโลก ก็สามารถใช้งานได้ เนื่องจากจะมีปัญญา รู้แจ้งแทงตลอดว่าอุปสรรคในการดำเนินชีวิต มีมาจากสาเหตุอะไร เราก็ค่อย ๆ แก้ไขบรรเทาไปทีละอย่าง ส่วนในทางธรรมนั้น ความก้าวหน้าในการปฏิบัติมีอย่างไร อุปสรรคต่าง ๆ มีอย่างไร เราก็จะมีปัญญาที่จะรู้เห็นและก้าวล่วงอุปสรรคทั้งหลายเหล่านั้นไปได้
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 25-12-2009 เมื่อ 09:08
|